บริษัท เอ็นอีซี คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด หรือเอ็นอีซี ประเทศไทย ได้ทำการทดสอบระบบสาธิต (POC) สำหรับการดูแลผู้สูงอายุ เพื่อรองรับและเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่สังคมสูงวัย โดยระบบได้ถูกออกแบบด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์ม สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไอโอที เพื่อช่วยยกระดับการดูแลผู้สูงอายุในภูมิภาคเอเชีย โดยการประกาศถึงความสำเร็จครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่บริษัทได้ทำการทดสอบระบบสาธิต ณ สถานดูแลผู้สูงอายุแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นระยะเวลา 1 เดือนเต็ม เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ในช่วงเวลาการทดสอบ ระบบ “มิมาโมริ” (Mimamori) ของเอ็นอีซี ประเทศไทย สามารถช่วยแบ่งเบาภาระงานของเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีด้านดิจิทัลมาช่วยในการดูแล การฟื้นฟูสุขภาพ รวมถึงการเฝ้าระวังอุบัติเหตุจากการล้มของผู้สูงอายุ ซึ่งสามาถแจ้งเตือนได้อัตโนมัติแม้ไม่มีคนเห็น
จากผลการทดสอบของเอ็นอีซี ประเทศไทย พบว่า ระบบการดำเนินงานแบบดิจิทัลสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของเจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุได้อย่างมีนัยสำคัญ และช่วยยกระดับคุณภาพในการดูแลผู้สูงอายุ ยกตัวอย่างเช่น สามารถลดภาระงานของผู้จัดการด้านการดูแลผู้สูงอายุ (Care Manager) และเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลได้ 36% และ 48% ตามลำดับ ซึ่งช่วยสร้างความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถของทีมในการเตรียมแผนการดูแล และทำให้ขั้นตอนการส่งมอบเวร เป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ ระบบยังช่วย ลดปริมาณการใช้กระดาษลงถึงได้ถึง 70%
นาย อิชิโร คูริฮาระ ประธานบริษัท เอ็นอีซี คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เทคโนโลยีและการรักษาพยาบาลแบบใหม่ช่วยให้ผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้นกว่าที่เคย ปัจจุบันจำนวนประชากรสูงอายุมีมากขึ้นอ้างอิงจากข้อมูลงานวิจัย ขณะที่การเข้าถึงการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวที่มีคุณภาพนั้นกลับมีจำกัด รวมถึงยังมีข้อจำกัดด้านบุคลากรด้วย ซึ่งเป็นความท้าทายอย่างต่อเนื่องสำหรับสถานดูแลผู้สูงอายุ ทั้งนี้ เอ็นอีซีมีความภูมิใจกับโครงการมิมาโมริอย่างมาก เนื่องจากเป็นสมาร์ทโซลูชันที่ตอบโจทย์ปัญหาที่สังคมกำลังเผชิญอยู่ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ตามความต้องการของผู้สูงอายุ ในขณะที่ยังคงรักษาการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สูงอายุที่จำเป็นไว้เช่นเดิม”
เทคโนโลยีดิจิทัลกับการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ
โครงการมิมาโมริ เป็นการผสมผสานระหว่างแอปพลิเคชันและเทคโนโลยีไออีที โดยในกระบวนการทดสอบ นี้ ผู้จัดการด้านการดูแลผู้สูงอายุสามารถสร้างแผนการดูแลได้แบบออนไลน์ ซึ่งปรับเปลี่ยนจากการทำงานแบบเดิมที่บันทึกข้อมูลลงกระดาษมาเป็นแบบดิจิทัล และส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลได้ทันที รวมถึงการบันทึกข้อมูลสุขภาพของผู้สูงอายุก็สามารถทำได้แบบเรียลไทม์ อีกทั้งบันทึกการเปลี่ยนเวรของเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลก็เป็นไปอย่างลงตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน สมาชิกในครอบครัวของผู้สูงอายุก็สามารถติดตามอาการของคุณพ่อคุณแม่ ผ่านการใช้งานแอปพลิเคชันมิมาโมริได้ และจะได้รับการแจ้งเตือนหากมีการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพใด ๆ เกิดขึ้น อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงแผนการดูแลได้อย่างเต็มรูปแบบ
ฟังก์ชันหลักที่สำคัญภายใต้โครงการมิมาโมรินั้น คือระบบการแจ้งเตือน ซึ่งมาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับการล้มที่ติดตั้งในห้องนอนและห้องน้ำ โดยคุณคูริฮาระ กล่าวว่า “เราพบว่าการตรวจจับการล้มเป็นปัญหาใหญ่ที่พบได้บ่อยในสถานดูแลผู้สูงอายุ” การใช้เซนเซอร์ในการตรวจจับ สามารถช่วยลดเวลาของเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลในการตอบสนองต่ออุบัติเหตุหกล้มลงได้ถึงครึ่งหนึ่ง และสามารถให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ได้อย่างทันท่วงทีเมื่อผู้สูงอายุหกล้ม
เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นการสแกนสิ่งแวดล้อมรอบห้องด้วยเทคโนโลยี 4 D sensing ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จะตรวจจับเมื่อมีคนล้มลง และแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลให้เข้าช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว “เราตระหนักดีว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่ไม่ชอบสวมใส่อุปกรณ์การแจ้งเตือนติดตัว ดังนั้น การติดตั้งเซนเซอร์จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แถมยังเป็นเทคโนโลยีไร้สัมผัส ซึ่งสามารถช่วยในการดูแลและการเข้าช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที”
ในอนาคต ระบบมิมาโมริสามารถพัฒนาเพิ่มฟังก์ชั่นในการดูแล และขยายการใช้งานระบบไปยังสถานดูแลสุขภาพแบบอื่นๆ นอกเหนือจากสถานดูแลผู้สูงอายุ โดยรวมเอาโซลูชันการดูแลสุขภาพที่ครบวงจรสามารถปรึกษาแพทย์ออนไลน์ เรียกรถพยาบาลฉุกเฉินรวมถึงสามารถติดต่อหน่วยงานภาครัฐได้ วัตถุประสงค์ของโครงการนี้ไม่เพียงแค่เสริมการดูแลผู้ป่วยสูงอายุเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพการบริการโดยรวมของเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลและสมาชิกในครอบครัวของผู้สูงอายุอีกด้วย
คุณคูริฮาระ กล่าวว่า “ท้ายที่สุดนี้ ผมมองว่าระบบมิมาโมริที่จะพัฒนาไป พร้อมเครื่องมือและนวัตกรรมที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมการดูแลผู้สูงอายุที่พักอาศัยอยู่ตามบ้าน เสมือนการดูแลเฉพาะบุคคล ช่วยให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี ปลอดภัย หากเกิดเหตุอะไรขึ้นก็สามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ”
เกี่ยวกับบริษัท เอ็นอีซี คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัทเอ็นอีซีเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อปี 2505 ด้วยการเปิดสำนักงานประสานงาน ก่อนจะเปิดบริษัทเอ็นอีซี ประเทศไทย และเอ็นอีซี คอมมิวนิเคชั่น ประเทศไทย (NCOT) ในปี 2530 และ 2531 ตามลำดับ
บริษัท เอ็นอีซี คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี 2546 ด้วยการควบรวมทั้ง 3 บริษัทนี้ เพื่อให้บริการในฐานะบริษัทที่ปรึกษาและให้บริการด้านเทคโนโลยีไอทีอย่างมืออาชีพ ในประเทศไทย เรามีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงให้บริการโซลูชั่นเชิงเทคนิคที่เหนือชั้น และส่งเสริม ประสบการณ์ของลูกค้าในด้านการสื่อสารแบบครบวงจร ความปลอดภัยทางไซเบอร์ โครงสร้างพื้นฐาน แพลตฟอร์มไอที นอกจากนี้ยังมีโซลูชั่นอุตสาหกรรมการผลิต โซลูชันการค้าปลีก และโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อสังคมที่ยั่งยืน บริษัท เอ็นอีซี คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด มุ่งสร้างสังคมที่เชื่อมต่อคนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และสร้างความยั่งยืนระยะยาวในสังคมของเรา
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://th.nec.com