ลงทุน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อช่วยสตาร์ทอัพเร่งความริเริ่มดิจิทัล พร้อมส่งมอบการฝึกอบรมและการรับรองระบบคลาวด์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อมุ่งขยายบุคลากรที่มีความสามารถด้านไอทีของสิงคโปร์
ออราเคิล (Oracle) ประกาศเปิดตัว Oracle Cloud Region ในสิงคโปร์ ซึ่งจะมารองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับบริการคลาวด์สำหรับองค์กรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงขยายขอบเขตการเข้าถึงของออราเคิลไปยัง 33 ภูมิภาคคลาวด์ทั่วโลก ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของภูมิภาคฟื้นตัว ตลอดจนส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ส่งเสริมการขับเคลื่อนด้านนวัตกรรมและความริเริ่มดิจิทัลของสิงคโปร์ โดยออราเคิลจะมอบเงินทุนให้สตาร์ทอัพ 100 ราย รายละ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐในรูปแบบเครดิต Oracle Cloud ตลอดช่วง 2 ปีข้างหน้าเพื่อเร่งให้สิ่งนี้เกิดขึ้น นอกจากนี้ ออราเคิลยังจัดการฝึกอบรมและการรับรอง Oracle Cloud Infrastructure (OCI) โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 การฝึกอบรมนี้จะช่วยเพิ่มจำนวนบุคลากรที่มีความสามารถด้านไอทีของสิงคโปร์ และทำให้ธุรกิจคว้าตัวและพัฒนาผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะที่จำเป็นต่อการสร้างการเติบโตและคิดค้นนวัตกรรมอย่างรวดเร็วได้ง่ายขึ้น
คุณแจ็คเกอลีน โป กรรมการผู้จัดการจากคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์ กล่าวว่า “เรายินดีต่อการดำเนินการของออราเคิลเพื่อบ่มเพาะสตาร์ทอัพในสิงคโปร์ ความริเริ่มเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ชุมชนธุรกิจนานาชาติมีต่อสิงคโปร์ ในฐานะพื้นที่ที่ธุรกิจต่าง ๆ ร่วมงานกับชุมชนผู้ประกอบการที่เปี่ยมชีวิตชีวาได้ เพื่อมุ่งพลิกโฉม คิดค้นนวัตกรรมใหม่ และสรรสร้างการเติบโต”
การ์เร็ตต์ อิลจ์ ประธานออราเคิล ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า “ลูกค้ากำลังหันมาใช้ออราเคิล เนื่องจากประสิทธิภาพสูง การรักษาความปลอดภัยในตัว และต้นทุน OCI ต่ำ เราได้เห็นการขยายตัวของธุรกิจในอัตราเลขสามหลักในช่วงปีที่ผ่านมา และต้องการช่วยให้ลูกค้าคิดค้นนวัตกรรมใหม่และสร้างความทันสมัย พร้อมกับช่วยพวกเขาแก้ปัญหาข้อกำหนดด้านถิ่นที่อยู่ของข้อมูลภายในประเทศ” พร้อมเสริมว่า “เราเปิดตัวภูมิภาคคลาวด์ใหม่และความริเริ่มเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและการเติบโตของท้องถิ่น เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราต่อสิงคโปร์และในภูมิภาคนี้ ความพร้อมในการใช้งาน OCI จะช่วยยกระดับความรวดเร็วของนวัตกรรม เพิ่มขีดความสามารถให้แก่สตาร์ทอัพ และเพิ่มพูนทักษะแก่ชาวสิงคโปร์”
OCI ช่วยให้ลูกค้าเคลื่อนย้ายปริมาณงานและแพลตฟอร์มข้อมูลเดิมที่สำคัญและซับซ้อนไปยังระบบคลาวด์ได้ และสร้างแอปพลิเคชั่นแบบคลาวด์เนทีฟขึ้นมาใหม่ ตลอดจนได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพที่เหนือระดับ ต้นทุนที่ต่ำลง และความสามารถในการรักษาความปลอดภัยภายในตัว ลูกค้าจะเข้าถึงชุดแอปพลิเคชัน Oracle Cloud Application ได้ทั้งหมด รวมถึง Oracle Autonomous Database ซึ่งจะทำให้พวกเขามีโอกาสและตัวเลือกในการสร้างสถาปัตยกรรมที่เหมาะสมกับความต้องการทางธุรกิจมากที่สุด
ตอบสนองความต้องการไฮบริดและมัลติคลาวด์
ดร.เกลน ดันแคน รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยประจำ Datacenter ของ IDC กล่าวว่า “ความต้องการขององค์กรต่อบริการระบบคลาวด์สาธารณะยังคงมีต่อเนื่องในสิงคโปร์และทั่วภูมิภาคอาเซียน สถาปัตยกรรมศูนย์ข้อมูลที่โดดเด่นกลายเป็นสภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์แบบไฮบริดที่ขยายจากจาก Core สู่ Edge ขณะนี้ องค์กรต่างต้องการบริการคลาวด์ระดับโลก/ภูมิภาค/ท้องถิ่น ยั่งยืน ปลอดภัย และเปี่ยมประสิทธิภาพสูงจากพันธมิตรของพวกเขา ผ่านการใช้ความอัจฉริยะของเครื่อง นโยบาย และระบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ ข้อมูลและบริการต้องสามารถจัดการได้อย่างเต็มรูปแบบและโปร่งใส เพื่อรองรับการปฏิบัติตามข้อกำหนด ในยุคที่นโยบายด้านความเป็นส่วนตัวและระเบียบกำกับดูแลชองประเทศต่าง ๆ มีความเข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ”
ปริมาณงานที่ซับซ้อนต้องอาศัยตัวเลือกการใช้งานแบบไฮบริดและมัลติคลาวด์ที่หลากหลาย กลยุทธ์ของออราเคิลนั้นมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถเก็บข้อมูลและบริการตามความต้องการ ลูกค้ายังสามารถใช้งาน Oracle Cloud อย่างสมบูรณ์แบบภายในศูนย์ข้อมูลของตนเองด้วย Dedicated Region และ Exadata Cloud@Customer ทั้งยังใช้งานบริการคลาวด์ระยะไกลบน Edge ด้วย Roving Edge Infrastructure หรือบนสภาพแวดล้อมแบบมัลติคลาวด์ระหว่าง OCI กับ Microsoft Azure ผ่านพันธมิตรทางธุรกิจ การผสมผสานนี้ทำให้ผู้ใช้งานจากภาครัฐและองค์กรมีชุดตัวเลือกที่มากมายแต่ต่อเนื่องกัน เพื่อจัดการกับข้อกำหนดด้านปริมาณงานทั้งหมด
ภูมิภาคคลาวด์ในสิงคโปร์นี้จะให้ประโยชน์แก่ลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน ผ่านการเข้าถึงพันธมิตรเครือข่ายที่กว้างขวาง ซึ่งเชื่อมต่อกันโดยตรงและเป็นส่วนตัวผ่าน OCI FastConnect
ความพร้อมในการใช้งานสูง การป้องกันภัยพิบัติ
สถาปัตยกรรมที่ล้ำสมัยของ OCI วางรากฐานที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสูงสำหรับบริการคลาวด์ ขณะที่การออกแบบเครือข่ายทางกายภาพและแบบเสมือนจริงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยขั้นสูงสุด เช่น แต่ละ Oracle Cloud Region ประกอบด้วย Fault Domain อย่างน้อย 3 โดเมน ซึ่งเป็นการจัดกลุ่มของฮาร์ดแวร์ที่สร้างศูนย์ข้อมูลเชิงตรรกะเพื่อให้เกิดความพร้อมในการใช้งานสูง และยืดหยุ่นต่อการทำงานที่ล้มเหลวของฮาร์ดแวร์และเครือข่าย
ความยั่งยืน
ออราเคิลมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืนและให้คำมั่นที่จะขับเคลื่อน Oracle Cloud Region ทั้งหมดทั่วโลกด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2568 โดย Oracle Cloud Region ทั้งหมดใช้เทคโนโลยีการจัดการพลังงานและการระบายความร้อนที่ทันสมัย เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการคลาวด์สะอาดด้วยพลังงานหมุนเวียน ออราเคิลนำฮาร์ดแวร์ที่เลิกใช้งานแล้วในปีงบประมาณ 2564 กลับมาใช้ซ้ำหรือใช้ใหม่ 99.6% พร้อมกับยึดมั่นแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลของออราเคิลอย่างเคร่งครัด
การขยายรากฐานทั่วโลกของ Oracle Cloud
เพื่อการขยายรากฐานภูมิภาคคลาวด์ของออราเคิลเพื่อรองรับความต้องการที่แข็งแกร่งของลูกค้าสำหรับบริการ Oracle Cloud ทั่วโลก ในปีหน้าออราเคิลจะเปิดตัวภูมิภาคคลาวด์เพิ่มเติมในโลเคชันใหม่ ๆ ทั้งยุโรป ตะวันออกกลาง เอเชียแปซิฟิก และละตินอเมริกา
ภูมิภาคคลาวด์ที่กำลังจะมีขึ้น ได้แก่ มิลาน (อิตาลี), สตอกโฮล์ม (สวีเดน), สเปน, โจฮันเนสเบิร์ก (แอฟริกาใต้), เม็กซิโก และโคลอมเบีย ส่วนภูมิภาคลำดับสองเพิ่มเติมจะเปิดตัวในซาอุดีอาระเบีย ฝรั่งเศส อิสราเอล และชิลี ทั้งนี้ ออราเคิลวางแผนที่จะมีภูมิภาคคลาวด์อย่างน้อย 44 แห่งภายในสิ้นปี 2565 ซึ่งตอกย้ำการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดของหนึ่งในผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่