ผู้ชนะระดับภูมิภาค 15 คนได้รับการคัดเลือกแล้ว และกำลังรอเข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับโลก
ซานเพลลีกรีโน ยัง เชฟ อคาเดมี (S.Pellegrino Young Chef Academy) มีความยินดีที่จะประกาศว่า การแข่งขันซานเพลลีกรีโน ยัง เชฟ อคาเดมี ประจำปี 2565-2566 รอบชิงชนะเลิศ จะจัดขึ้นที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ในวันที่ 4-5 ตุลาคม โดยจะเป็นการตัดสินและยกย่องเชฟรุ่นใหม่ที่ดีที่สุดในโลก พร้อมเฉลิมฉลองให้กับเชฟมากพรสวรรค์ที่ช่วยผลักดันวิวัฒนาการของวงการอาหาร
ดูข่าวประชาสัมพันธ์ในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่ https://www.multivu.com/players/English/9143451-san-pellegrino-young-chef-academy-competition-grand-finale-milan/
ในระหว่างเดือนกันยายน 2565 ถึงเดือนมกราคม 2566 เชฟรุ่นใหม่ไฟแรง 165 คนจากทั่วโลกได้เข้าร่วมชิงชัยในการแข่งขันรอบสุดท้ายระดับภูมิภาค โดยคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยเชฟชื่อดังระดับท้องถิ่นได้ตัดสินการแข่งขันทำอาหารใน 15 ภูมิภาค นอกจากนี้ นับเป็นครั้งแรกในระดับภูมิภาคที่มีการจัดการประชุม เดอะ เบรน ฟู้ด ฟอรัม โดยนิตยสารไฟน์ ไดน์นิง เลิฟเวอร์ส (The Brain Food Forum Curated by Fine Dining Lovers) เพื่อนำเสนอแนวคิดและสะท้อนมุมมองเกี่ยวกับโลกของการทำอาหาร โดยเชฟที่มีชื่อเสียงกว่า 50 คนซึ่งเป็นดาวเด่นในแวดวงอาหารนานาชาติได้มีส่วนร่วมในการเสวนาที่สร้างแรงบันดาลใจในหัวข้อต่าง ๆ ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในอุตสาหกรรมอาหาร
ในบรรดาผู้ชนะระดับภูมิภาค เชฟรุ่นใหม่มากพรสวรรค์สี่คนจะได้รับรางวัลระดับโลก โดยผู้คว้ารางวัลชนะเลิศ ซานเพลลีกรีโน ยัง เชฟ อคาเดมี อวอร์ด (S.Pellegrino Young Chef Academy Award) จะประกาศในรอบชิงชนะเลิศ ส่วนรางวัลรองลงมาสามรางวัลจะประกาศก่อนรอบชิงชนะเลิศ เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน ได้แก่ รางวัลซานเพลลีกรีโน โซเชียล เรสพอนซิบิลิตี อวอร์ด (S.Pellegrino Social Responsibility Award) ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากสมาคมร้านอาหารยั่งยืน (Sustainable Restaurant Association), รางวัลอควา ปานน่า คอนเนกชัน อิน แกสโทรโนมี อวอร์ด (Acqua Panna Connection in Gastronomy Award) ซึ่งคัดเลือกโดยที่ปรึกษาของการแข่งขัน และรางวัลฟู้ด ฟอร์ ธอท อวอร์ด (Food for Thought Award) ซึ่งโหวตโดยผู้อ่านนิตยสารไฟน์ ไดน์นิง เลิฟเวอร์ส
สเตฟาโน โบโลเยเซ (Stefano Bolognese) ผู้อำนวยการหน่วยธุรกิจระหว่างประเทศ กล่าวว่า “เราเปิดตัวการแข่งขันซานเพลลีกรีโน ยัง เชฟ ในปี 2558 เพื่อบ่มเพาะอนาคตของแวดวงอาหารด้วยการเฟ้นหาเชฟรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์จากทั่วทุกมุมโลก จำนวนผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันครั้งที่ 5 มีมากกว่า 4,000 รายจากทั่วโลก นับเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณค่าของการแข่งขันนี้ ซึ่งเป็นใบเบิกทางไปสู่ซานเพลลีกรีโน ยัง เชฟ อคาเดมี อันเป็นชุมชนระดับโลกของเชฟมากความสามารถกว่า 2,000 คน โดยมีเป้าหมายให้เชฟมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ เชื่อมโยง และสร้างเครือข่าย สำหรับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่จะจัดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายและเป็นช่วงเวลาสำคัญในกระบวนการเฟ้นหาเชฟรุ่นใหม่ ซานเพลลีกรีโนขอให้ผู้เข้ารอบทุกคนโชคดี”
ผู้ที่เข้าชิงชัยเพื่อคว้ารางวัลชนะเลิศจะได้มีโอกาสปรุงอาหารจานเด็ดของตนต่อหน้าคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยเจ็ดเชฟผู้ทรงอิทธิพลในวงการอาหารระดับนานาชาติ ได้แก่ อีเนโก แอตซา (Eneko Atxa), ริคคาร์โด คามานีนี (Riccardo Camanini), เฮเลน ดาร์โรซ (Helene Darroze), วิคกี้ เหลา (Vicky Lau), เปีย ลีออน (Pia Leon), จูเลียน โรเยอร์ (Julien Royer) และแนนซี ซิลเวอร์ตัน (Nancy Silverton) โดยคณะกรรมการจะประเมินผู้เข้าชิงตามกฎทองสามข้อ ได้แก่ ความสามารถทางเทคนิค ความคิดสร้างสรรค์และความเชื่อส่วนบุคคล และศักยภาพในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคมผ่านอาหาร ทั้งนี้ ก่อนที่จะถึงรอบชิงชนะเลิศ บรรดาเชฟรุ่นใหม่จะยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับที่ปรึกษาเพื่อปรับปรุงสูตรอาหารให้สมบูรณ์แบบที่สุด
ผู้ชนะระดับภูมิภาค 15 คน และที่ปรึกษา มีรายชื่อดังต่อไปนี้
เอริค อัลเฟรโด เบาติสตา ชาคอน (Erick Alfredo Bautista Chacon) และที่ปรึกษา ลูลา มาร์ติน เดล คัมโป (Lula Martin Del Campo) กับเมนูซิกเนเจอร์ “โออาซากา พสุธาและหัตถา” (Oaxaca, its land and its hands) (ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน)
ราอูล การ์เซีย (Raul Garcia) และที่ปรึกษา สเตฟาน ไฮเลอมันน์ (Stefan Heilemann) กับเมนูซิกเนเจอร์ “ปลาไพค์เพิร์ช หอยแมลงภู่ อาร์ติโชค ไวน์เหลือง และบาริกูล” (ยุโรปตะวันตก)
แอนตัน เลเบอร์ซอร์เจอร์ (Anton Lebersorger) และที่ปรึกษา แดเนียล กอตต์ชลิช (Daniel Gottschlich) กับเมนูซิกเนเจอร์ “ไก่เบรส แคร์รอตจากชมิดเดเนอ เฟลด์ (Schmidener Feld) กิมจิ และซอสแบร์เนสสไตล์ไทย” (ยุโรปกลาง)
มาร์คัส เคลย์ตัน (Marcus Clayton) และที่ปรึกษา ลิซ่า กู้ดวิน-อัลเลน (Lisa Goodwin-Allen) กับเมนูซิกเนเจอร์ “ขึ้นฉ่าย แอปเปิล และเห็ด” (สหราชอาณาจักร)
โรบิน แวกเนอร์ (Robin Wagner) และที่ปรึกษา ปีเตอร์ กิลมอร์ (Peter Gilmore) กับเมนูซิกเนเจอร์ “ขึ้นฉ่ายรมควัน แอปเปิลแกรนนี่สมิธ และเผือกทอด” (แปซิฟิก)
ปิแอร์-โอลิวิเยร์ เพลลีเทียร์ (Pierre-Olivier Pelletier) และที่ปรึกษา ซูซานน์ บาร์ (Suzanne Barr) กับเมนูซิกเนเจอร์ “เป็ดรมควันหญ้าหอม ธัญพืชอบกรอบเคลือบไซรัปจากต้นเบิร์ชเหลือง น้ำสลัดแคโรทีน น้ำเกรวี่จากธัญพืชอบ และน้ำมันดอกสร้อยทอง” (แคนาดา)
เจ็ต ลูส (Jet Loos) และที่ปรึกษา ดิค มิดเดลเวียร์ด (Dick Middelweerd) กับเมนูซิกเนเจอร์ “กลิ่นอายแห่งท้องทะเล” (Flavour of the sea) (ยุโรปเหนือ)
แดเนียล การ์วู้ด (Daniel Garwood) และที่ปรึกษา นีน่า คอมป์ตัน (Nina Compton) กับเมนูซิกเนเจอร์ “เนื้อเป็ดและลูกพลับในเหล้าชองจู (cheongju) เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงพันชัน (banchan) จากมุมมองของนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง” (สหรัฐอเมริกา)
อี้ จาง (Yi Zhang) และที่ปรึกษา สเตฟาโน บาคเชลลี (Stefano Bacchelli) กับเมนูซิกเนเจอร์ “การเดินทางสู่กว่างซี” (A trip to Guangxi) (จีนแผ่นดินใหญ่)
เอียน โกห์ (Ian Goh) และที่ปรึกษา เดฟ พินต์ (Dave Pynt) กับเมนูซิกเนเจอร์ “เนื้อลูกแกะ” (Heritage lamb) (เอเชีย)
กรีกอริส คิคิส (Grigoris Kikis) และที่ปรึกษา จอร์เจียนนา ฮิลเลียดากิ (Georgianna Hiliadaki) กับเมนูซิกเนเจอร์ “เรื่องราวของปลาค็อด” (The story of cod) (ยุโรปตะวันออกเฉียงใต้และเมดิเตอเรเนียน)
เนลสัน ฟรีตัส (Nelson Freitas) และที่ปรึกษา ฟิลิเป คาร์วาลโญ (Filipe Carvalho) กับเมนูซิกเนเจอร์ “ปลากระบอกแดงทอดกรอบ เม่นทะเล และกระเทียมดำโฮมเมด” (กลุ่มประเทศคาบสมุทรไอบีเรีย)
ไมเทรย์ ไอเยอร์ (Mythrayie Iyer) และที่ปรึกษา จอห์นสัน เอเบเนเซอร์ (Johnson Ebenezer) กับเมนูซิกเนเจอร์ “บาร์เตอร์ – วิวัฒนาการการทำอาหารอินเดียในยุคแห่งการสำรวจ” (Barter – Evolution of Indian cooking through the age of exploration) (แอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียใต้)
มิเชล อันโตเนลลี (Michele Antonelli) และที่ปรึกษา แอนเดรีย อาเปรีย (Andrea Aprea) กับเมนูซิกเนเจอร์ “กะหล่ำดอก” (Spin the cauliflower) (อิตาลี)
กามีย์ แซงต์-แอมลู (Camille Saint-M’Leux) และที่ปรึกษา คริสตอฟ บัคควี (Christope Bacquie) กับเมนูซิกเนเจอร์ “เนื้อชาร์โคลชาโตเนิฟ (Charcoal Chateauneuf Beef) ไขมันปลาหมึก และไข่ปลาแฮริ่งรมควัน” (ฝรั่งเศส)
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ชนะระดับภูมิภาคแต่ละคนได้ที่ https://www.sanpellegrinoyoungchefacademy.com/Meet-the-Winners-of-the-S.Pellegrino-Young-Chef-Academy-Competition-2022-23-Regional-Finals
เกี่ยวกับซานเพลลีกรีโน ยัง เชฟ อคาเดมี
ศาสตร์การทำอาหารมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงสังคม รวมถึงสร้างอนาคตที่เท่าเทียมและยั่งยืนมากขึ้น แต่การจะทำเช่นนั้นได้ต้องอาศัยผู้ที่มีความสามารถ ด้วยเหตุนี้ ซานเพลลีกรีโนจึงจัดตั้งซานเพลลีกรีโน ยัง เชฟ อคาเดมี (S.Pellegrino Young Chef Academy) เพื่อดึงดูด เชื่อมโยง และบ่มเพาะผู้มีพรสวรรค์ด้านการทำอาหารรุ่นใหม่ โดยสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมคนรุ่นใหม่ด้วยโอกาสทางการศึกษา การให้คำปรึกษา และประสบการณ์ รวมทั้งสนับสนุนการแข่งขันที่มีชื่อเสียงในระดับโลก
ซานเพลลีกรีโน ยัง เชฟ อคาเดมี เปิดประตูต้อนรับสมาชิกจากกว่า 70 ประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าพรสวรรค์ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยภูมิศาสตร์ ชาติพันธุ์ หรือเพศ โดยเป็นสถานที่ที่เชฟรุ่นใหม่ไฟแรงจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในวงการอาหารระดับโลก และร่วมกันสร้างชุมชนการทำอาหารที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sanpellegrinoyoungchefacademy.com/
เกี่ยวกับซานเพลลีกรีโน และ อควา ปานน่า
ซานเพลลีกรีโน (S.Pellegrino), อควา ปานน่า (Acqua Panna) และซานเพลลีกรีโน อิตาเลียน สปาร์คลิง ดริงค์ส (Sanpellegrino Italian Sparkling Drinks) เป็นเครื่องหมายการค้าระหว่างประเทศของบริษัท ซานเพลลีกรีโน เอส.พี.เอ. (Sanpellegrino S.p.A.) ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ผลิตภัณฑ์เหล่านี้วางจำหน่ายในกว่า 150 ประเทศ ผ่านสาขาและตัวแทนจำหน่ายใน 5 ทวีป โดยแสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศด้านคุณภาพจากต้นกำเนิด และถ่ายทอดความเป็นอิตาเลียนออกไปทั่วโลกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในฐานะสัญลักษณ์แห่งความน่าอภิรมย์ สุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี ทั้งนี้ ซานเพลลีกรีโน เอส.พี.เอ. ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2442 และเป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มของอิตาลี ครอบคลุมทั้งน้ำแร่ เครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยไร้แอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มอื่น ๆ
ซานเพลลีกรีโนมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเครื่องดื่มที่ดีที่สุดสำหรับโลกใบนี้ ตลอดจนทำงานอย่างมีความรับผิดชอบและมุ่งมั่นเพื่อให้แน่ใจว่าทรัพยากรเหล่านี้จะมีอนาคตที่ยั่งยืน
รูปภาพ – https://mma.prnewswire.com/media/2005245/S_Pellegrino_SPYCA.jpg
โลโก้ – https://mma.prnewswire.com/media/2005247/SPYCA_Logo.jpg