Rapyd เปิดตัว “โครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตบริการชำระเงินระดับ B2B” ส่งเสริมแพลตฟอร์มคอมเมิร์ซและการค้าระดับ B2B ทั่วโลก

– Disburse แพลตฟอร์มชำระเงิน B2B ของ Rapyd ให้บริการครอบคลุมกว่า 200 ประเทศ โดยช่วยให้แพลตฟอร์มข้ามชาติลดความยุ่งยากในการชำระเงินสำหรับผู้กระจายสินค้า, ผู้จำหน่าย และซัพพลายเออร์
– ระบบบันทึกบัญชีวอลเล็ทแบบไวท์เลเบลของ Rapyd ส่งเสริมความสามารถของธุรกิจแพลตฟอร์มและอีโคซิสเต็ม B2B ชั้นนำให้ปรับขนาดโซลูชันของผู้ซื้อและซัพพลายเออร์ต่างประเทศได้อย่างง่ายดาย

Rapyd ผู้ให้บริการเทคโนโลยีการเงินระดับโลก ประกาศยกระดับแพลตฟอร์ม Disburse และ Collect ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของแวดวงธุรกิจนี้ เพื่อนำเสนอโครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่ที่ครอบคลุมครบวงจร ให้บริษัท B2B สามารถชำระเงินให้ซัพพลายเออร์และผู้ขายไปพร้อม ๆ กับรับการชำระเงินจากลูกค้าทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ขณะนี้ Rapyd ได้เพิ่มขีดความสามารถของแพลตฟอร์ม Disburse ให้ครอบคลุมกว่า 200 ประเทศ ทำให้องค์กรต่าง ๆ สามารถชำระเงินด้วยสกุลเงินหลักที่ใช้ในการค้าทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นดอลลาร์สหรัฐ, ยูโร, ปอนด์อังกฤษ หรือดอลลาร์สิงคโปร์ รวมถึงสกุลเงินสำคัญประจำภูมิภาคและพื้นที่ท้องถิ่นต่าง ๆ นอกจากนี้ ลูกค้าของ Rapyd ยังสามารถชำระเงินแบบเรียลไทม์ (Real-Time Payment หรือ RTP) ได้แล้วในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ทำให้สามารถควบคุมและตรวจสอบระยะเวลาการชำระเงินได้ดียิ่งขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อเป็นการพัฒนาข้อเสนอด้านการรับการชำระเงินของ B2B ลูกค้า Rapyd ยังสามารถใช้บัญชีเสมือน (Virtual Account) เพื่อรับการชำระเงินจากสิงคโปร์และยุโรป และชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่นที่ต้องการได้อีกด้วย

“การมาของโควิด-19 ได้เร่งให้เกิดความต้องการในธุรกิจระดับต่าง ๆ ที่จะเข้าร่วมอีโคซิสเต็มดิจิทัลเพื่อการค้า, การจัดหา และแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มหางานชั่วคราวเพื่อจัดจ้างแรงงาน, แพลตฟอร์มการค้า B2B เพื่อจัดหาซัพพลาย หรือตลาดอีคอมเมิร์ซ B2B ระหว่างประเทศเพื่อส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ ปัจจุบันเราสามารถมอบบริการให้กับบริษัท B2B ข้ามชาติได้ด้วยโซลูชันชำระเงินแบบครบวงจรที่ยืดหยุ่นที่สุด แพลตฟอร์มของ Rapyd มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ที่ความสามารถในการให้บริการได้หลายระดับ ตั้งแต่วิสาหกิจขนาดใหญ่ไปจนธุรกิจ SME รวมถึงความสามารภในการจัดการธุรกรรมขนาดใหญ่ซึ่งพบได้ทั่วไปในการค้าสากลทั้งในระดับท้องถิ่นและระหว่างประเทศ ตลอดจนการทำธุรกรรมเล็ก ๆ ที่ต้องการความรวดเร็วมากกว่า ซึ่งเป็นรูปแบบที่พบได้ทั่วไปสำหรับการชำระเงินฝั่งผู้บริโภคและธุรกิจ SME” โจเอล ยาร์โบรก กรรมการผู้จัดการของ Rapyd Ventures และรองประธานบริหารประจำเอเชียแปซิฟิก กล่าว

ปัจจุบันบริการอีคอมเมิร์ซ B2B ในเว็บไซต์และมาร์เก็ตเพลสต่าง ๆ สร้างรายได้เกือบ 4 เท่าของบริการฝั่งผู้บริโภคทั่วโลก ทั้งยังเติบโตต่อเนื่องท่ามกลางการแพร่ระบาดโควิด-19 โดย Grand View Research ได้คาดการณ์ว่า ตลาดบริการอีคอมเมิร์ซระดับ B2B จะขยายตัวแตะ 20.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2570 หรือเท่ากับมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 17.5% ในช่วง 2563-2570[1]

ด้วยแพลตฟอร์มของ Rapyd นี้ ผู้ซื้อและผู้ขาย B2B จะได้รับความสะดวกสบายจากการมีช่องทางชำระเงินและเบิกจ่ายที่หลากหลายที่สุดในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก ทั้งยังสามารถเข้าถึงโซลูชันบนคลาวด์ที่รวบรวมบริการที่ครอบคลุมมากที่สุดไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นในแง่จำนวนประเทศที่ให้บริการ, สกุลเงิน, ประเภทธุรกิจ และขนาดธุรกรรม

เกี่ยวกับ Rapyd

Rapyd คือวิธีที่เร็วที่สุดในการให้บริการช่องทางชำระเงินในประเทศต่าง ๆ ทุกที่ทั่วโลก โดยเปิดโอกาสให้บริษัททั่วโลกเข้าถึงตลาดได้เร็วกว่าที่เคย เครือข่ายการชำระเงินและแพลตฟอร์มบริการเทคโนโลยีการเงินอันเหนือชั้นของ Rapyd ช่วยให้ธุรกิจและผู้บริโภคดำเนินการชำระเงินในประเทศและข้ามพรมแดนในตลาดใดก็ได้ แพลตฟอร์มของ Rapyd กำลังหลอมรวมระบบชำระเงินที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลกให้เป็นหนึ่งเดียว ด้วยการรวบรวมช่องทางชำระเงินกว่า 900 ช่องทางในกว่า 100 ประเทศ ทั้งนี้ Rapyd ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนมากมาย ซึ่งรวมถึง Stripe, General Catalyst, Oak HC/FT, Coatue, Tiger Global, Durable Capital, Target Global, Fidelity Management and Research Company, Altimeter Capital, BlackRock Funds และ Tal Capital ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทที่เป็นผู้เร่งการปฏิวัติบริการเทคโนโลยีการเงินได้ที่ www.rapyd.net หรืออ่านบล็อกของเรา หรือติดตามเราทาง LinkedIn และ Twitter

[1] https://www.grandviewresearch.com/industry-analysis/business-to-business-b2b-e-commerce-market

สื่อมวลชนติดต่อ:
Headline Media
Raanan Loew
raanan@headline.media
1-347-897-9276