Kerry ขับเคลื่อนนวัตกรรมที่ยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานอาหารเพื่อตอบโจทย์ต่อสภาพอากาศ ต้นทุน และความต้องการทางโภชนาการของผู้บริโภค

สิงคโปร์ 14 พฤษภาคม 2568 /PRNewswire/ — Kerry ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันด้านรสชาติ และโภชนาการกำลังเสริมสร้างความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมบริการด้านอาหาร

Foodservice chains can influence healthier, more sustainable food choices through their menu offerings
Foodservice chains can influence healthier, more sustainable food choices through their menu offerings

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังคงส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานอาหาร ส่งผลกระทบต่อการจัดหาส่วนผสม พร้อมกับเพิ่มต้นทุนให้กับธุรกิจและผู้บริโภค เพราะในสภาพแวดล้อมที่การนำเสนอเมนูจำเป็นต้องตอบโจทย์ความต้องการทางโภชนาการโดยไม่ลดทอนรสชาติหรือมีผลกระทบต่อต้นทุน จึงจำเป็นต้องมีโซลูชันนวัตกรรมที่ยั่งยืน และส่งมอบรสชาติที่ยอดเยี่ยม

“เครือข่ายร้านอาหารเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่เติบโตรวดเร็วที่สุด และเปลี่ยนแปลงรวดเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมอาหาร โดยอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะส่งอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคในวงกว้าง ขีดความสามารถในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม และการรับประทานอาหารผ่านการนำเสนอเมนูทำให้ภาคส่วนต่างๆ สามารถมุ่งเน้นไปที่ผลกระทบของโภชนาการที่ยั่งยืน และกำหนดทางเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืนมากขึ้น” Simon Hague ผู้จัดการทั่วไปของเครือธุรกิจบริการอาหาร Kerry Southeast Asia กล่าว

“พวกเราที่ Kerry ตระหนักถึงบทบาทสำคัญของห่วงโซ่อาหารในโลกปัจจุบัน เนื่องจากระบบอาหารมีส่วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกประมาณ 33% ของโลก1 และกำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจคาดเดาได้” Hague กล่าวเสริม

โซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์สำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป

ความมุ่งมั่นของ Kerry ได้ก้าวมาถึงจุดสำคัญเมื่อการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ในการผลิตอาหาร การลดขยะอาหาร และการเปลี่ยนไปสู่การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืน2 สามารถช่วยหลีกเลี่ยงภาวะโลกร้อนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ถึง 55% โซลูชันของ Kerry ซึ่งได้รับการรับรองทางคลินิกได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายที่เปลี่ยนแปลงไปของดำเนินงานด้านบริการอาหารสมัยใหม่ ซึ่งรวมถึง:

•  การยกระดับโปรไฟล์โภชนาการ ในขณะที่ยังคงรสชาติไว้ได้: เทคโนโลยี Tastesense™ ของ Kerry ช่วยให้ผู้ประกอบด้านบริการอาหารสามารถลดปริมาณเกลือและน้ำตาลในผลิตภัณฑ์ของพวกเขาได้ ซึ่งช่วยให้เมนูอาหารมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น พร้อมตอบโจทย์ความต้องการอาหารที่สะอาด มีแคลอรี่ต่ำ และแนวปฏิบัติทางโภชนาการในท้องถิ่นที่เข้มงวดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ให้ความสำคัญไปที่ปริมาณเกลือและน้ำตาลเป็นหลัก

ตัวอย่างเช่น ภายในปี 2570 ฉลาก Nutri-Grade ในประเทศสิงคโปร์ที่ปัจจุบันถูกนำมาใช้เพื่อระบุระดับน้ำตาลในเครื่องดื่ม จะขยับขยายไปยังผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณโซเดียมสูง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีเกลือ ซอส เครื่องปรุงรส และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีเกรด C หรือ D

•  ลดขยะอาหาร สร้างผลกระทบที่ยั่งยืน: Kerry ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถยืดอายุการเก็บรักษา ลดของเสีย และปรับปรุงความน่าดึงดูดของผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยเพิ่มความยั่งยืน และผลกำไรผ่านโซลูชัน Food Protection and Preservation (FPP) ของ Kerry โดยเฉพาะในสินค้าขนมอบและเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นขยะอาหาร 2 ประเภทของที่มีปริมาณและมูลค่าสูงสุดตามลำดับ

•  สร้างเสถียรภาพให้กับการจัดหาวัตถุดิบผ่านโซลูชันโกโก้ที่ยั่งยืน: โครงการ Cocoa Boosters ของ Kerry และความมุ่งมั่นในการจัดหาอย่างยั่งยืนช่วยให้เครือร้านอาหารต่างๆ มั่นใจได้ว่าอาหาร และเครื่องดื่มจะยังคงความอร่อยได้อยู่ ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนโกโก้ทั่วโลกที่ส่งผลให้ราคามีความผันผวนและความไม่มั่นคงด้านอุปทาน พร้อมกับสนับสนุนแนวทางปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่มีความรับผิดชอบ

“ความโปร่งใส แหล่งที่มา และความยั่งยืนได้กลายมาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้บริโภคในปัจจุบัน พวกเขาต้องการทราบว่าอาหารของตนมาจากไหนและส่งผลกระทบต่อโลกอย่างไร” Daniel Campion หัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนของ Kerry Asia Pacific, Middle East & Africa กล่าว “เรามีเป้าหมายที่จะช่วยให้พันธมิตรด้านบริการอาหารของเราสามารถรังสรรค์สร้างเมนูที่มีความยืดหยุ่น และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก”

Simon Hague กล่าวเสริม “การร่วมมือสร้างสรรค์ร่วมกับลูกค้าของเราได้ช่วยให้เรารังสรรค์เมนูที่ดีต่อสุขภาพ อร่อย และมีความยั่งยืนมากขึ้นผ่านโซลูชันที่ได้รับการปรับแต่งที่ตอบโจทย์ความคาดหวังของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมกับสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ และส่งเสริมนวัตกรรม”

 

View original content to download multimedia: Read More