ลอนดอน, 27 กุมภาพันธ์ 2568 /PRNewswire/ — บริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนเพื่อการย้ายถิ่นฐานชั้นนำระดับสากล Henley & Partners ต้อนรับข้อเสนอของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) แห่งสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับโครงการวีซ่า “โกลด์การ์ด” หรือบัตรทองแบบใหม่ ซึ่งจะมอบสิทธิ์ให้แก่นักลงทุนผู้มั่งคั่งสามารถพำนักและทำงานในสหรัฐฯ ได้ รวมถึงเสนอเส้นทางสู่การเป็นพลเมืองสหรัฐฯ โดยแลกเปลี่ยนกับเงินลงทุนมูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงการริเริ่มนี้จะช่วยยกระดับขีดความสามารถด้านการแข่งขันของสหรัฐฯ ในเวทีการลงทุนเพื่อการย้ายถิ่นฐานระดับโลก ด้วยการเสนอเส้นทางการลงทุนสู่การเป็นพลเมืองสหรัฐฯ ที่มีความชัดเจนและน่าสนใจให้แก่บุคคลผู้เป็นนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งต้องการมีส่วนร่วมส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจของอเมริกา
ดร. Juerg Steffen ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Henley & Partners กล่าวว่า “วีซ่าบัตรทองที่เสนอนี้ ถือเป็นโอกาสอันน่าตื่นเต้นครั้งใหม่สำหรับนักลงทุนรายใหญ่ผู้มั่งคั่งที่ต้องการเป็นผู้พำนักและถือสัญชาติสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การรักษาความต่อเนื่องและความชัดเจนของนโยบายการย้ายถิ่นฐานสำหรับนักลงทุนก็มีความสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน เราขอสนับสนุนให้ทางการสหรัฐฯ รับรองเสถียรภาพให้แก่นักลงทุนด้วยการกำหนดช่วงเปลี่ยนผ่านของนโยบายอย่างเป็นระบบ เพื่อคุ้มครองโครงการต่าง ๆ ที่มีอยู่เดิม เช่น โปรแกรมวีซ่าสำหรับนักลงทุนประเภท EB-5 ของสหรัฐฯ (EB-5 Immigrant Investor Program) ทั้งนี้ นักลงทุนที่กำลังพิจารณาโปรแกรม EB-5 ควรดำเนินการอย่างรวดเร็วภายใต้ระเบียบที่มีอยู่ เนื่องจากสิทธิ์ของพวกเขาในการขอกรีนการ์ดจะยังคงปลอดภัยภายใต้กรอบที่กำหนดไว้ปัจจุบัน เรามุ่งมั่นที่จะให้คำแนะนำแก่นักลงทุนท่ามกลางแวดล้อมการย้ายถิ่นฐานของสหรัฐฯ ที่กำลังเปลี่ยนแปลง และจะยังคงร่วมมือกับทุกภาคส่วน รวมถึงรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็รับประกันความมั่นใจให้แก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง”
ความต้องการตัวเลือกการลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐานเพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์
Henley & Partners ได้ต้อนรับลูกค้าใหม่จาก 94 ประเทศในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และได้รับข้อสอบถามจากผู้สนใจที่มีสัญชาติต่าง ๆ กว่า 180 ประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความต้องการในการลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐานเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องทั่วโลก
Dominic Volek หัวหน้าฝ่ายลูกค้ารายบุคคลของ Henley & Partners กล่าวว่า การเปิดตัวโครงการวีซ่าบัตรทองของสหรัฐฯ เป็นโอกาสที่โดดเด่นสำหรับนักลงทุนรายใหญ่ที่ต้องการได้รับสิทธิ์พำนักในประเทศ พร้อมเส้นทางสู่การเป็นพลเมืองสหรัฐฯ “สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้นำที่ไม่มีใครเทียบได้ในด้านการสร้างและสะสมความมั่งคั่งส่วนบุคคล เรายินดีกับแนวทางที่ก้าวหน้าของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถได้รับสิทธิ์เป็นพลเมืองผ่านการลงทุน การรายงาน USA Wealth Report ของเรา ระบุว่าสหรัฐฯ มีสัดส่วนความมั่งคั่งที่ลงทุนได้ในรูปแบบสภาพคล่องถึง 32% หรือคิดเป็นมูลค่า 67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของเศรษฐีทั่วโลกถึง 37% เราได้สนับสนุนโครงการย้ายถิ่นฐานผ่านการลงทุนที่รักษาความสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของนักลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจของชาติมาอย่างยาวนาน และการเปิดตัวโครงการวีซ่าบัตรทองนี้ก็ถือเป็นพัฒนาการที่น่าตื่นเต้น ซึ่งยืนยันถึงสถานะจุดหมายปลายทางชั้นนำสำหรับนักลงทุนทั่วโลกของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันก็รับรองได้ถึงกรอบการทำงานเชิงยุทธศาสตร์ที่เป็นประโยชน์ยิ่งขึ้นทั้งต่อนักลงทุนผู้มั่งคั่งและเศรษฐกิจของอเมริกาด้วย”
Volek กล่าวย้ำว่า นักลงทุนที่ยังคงพิจารณาโปรแกรมวีซ่าสำหรับนักลงทุนประเภท EB-5 ควรดำเนินการโดยเร็ว ภายใต้กฎเกณฑ์ปัจจุบัน เนื่องจากโอกาสในการได้รับกรีนการ์ดมีแนวโน้มว่าจะยังคงได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎระเบียบของ EB-5 มีอยู่เดิม “เมื่อพิจารณาจากความซับซ้อนของตัวบทกฎหมายและการคุ้มครองทางกฎหมายภายใต้กฎหมาย EB-5 Reform and Integrity Act of 2022 (RIA) ลูกค้าจะยังคงสามารถมั่นใจได้ว่าโปรแกรม EB-5 มีเสถียรภาพ และควรดำเนินการลงทุนโดยไม่รอช้าเพื่อให้ได้รับสิทธิ์ภายใต้กรอบของกฎระเบียบที่มีอยู่ การออกวีซ่าสำหรับนักลงทุนใหม่ ๆ จำเป็นต้องมีการออกกฎหมายใหม่ที่ต้องผ่านการพิจารณาของสภาคองเกรส ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าจะไม่สามารถบังคับใช้ได้ในระยะเวลาอันสั้น”
ผู้อพยพกลุ่มมั่งคั่งเป็นแรงผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโต
Henley & Partners ซึ่งมีสำนักงานกว่า 60 แห่งทั่วโลก และสามารถระดมทุนได้มากกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในรูปแบบการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เป็นผู้ออกแบบ ดำเนินงาน และส่งเสริมโปรแกรมเพื่อการพำนักและการได้รับสัญชาติผ่านการลงทุนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดหลายแห่งทั่วโลก และตั้งตาคอยที่จะได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อสรรหานักลงทุนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการวีซ่าบัตรทองของสหรัฐฯ โครงการใหม่นี้
ดร. Steffen กล่าวว่า การดึงดูดและรักษาผู้อพยพกลุ่มมั่งคั่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมทั้งในภูมิภาคที่มั่งคั่งอย่างสหรัฐฯ และยุโรป “นักลงทุนรายใหญ่กลุ่มนี้ไม่เพียงแต่นำความมั่งคั่งติดตัวมา แต่ประเทศเจ้าบ้านยังได้รับประโยชน์จากภาษีที่พวกเขาจ่าย ธุรกิจที่พวกเขาสร้าง และงานที่พวกเขาสร้างขึ้นด้วย ผลประโยชน์ที่ได้จากการอพยพของกลุ่มผู้มั่งคั่งและผู้มีความสามารถนั้นมีหลากหลาย เช่น รายได้จากเงินตราต่างประเทศจากความมั่งคั่งที่หลั่งไหลสู่ประเทศ เงินลงทุนในตลาดหุ้นที่เพิ่มขึ้น และการกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมมูลค่าสูง อย่างเช่นสินค้าหรู เทคโนโลยีขั้นสูง และอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ นอกจากนี้ เศรษฐีที่ย้ายถิ่นฐานจำนวนมากมักเป็นผู้ประกอบการและผู้ก่อตั้งบริษัทที่เริ่มสร้างธุรกิจใหม่และขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมความมั่งคั่งระยะยาวให้แก่ประเทศที่อยู่แห่งใหม่ของพวกเขา”
View original content to download multimedia: Read More