มิลาน, 29 กันยายน 2568 /PRNewswire/ — Envision Energy ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีสีเขียว ประกาศว่า กังหันลมรุ่นหลักของบริษัทซึ่งประกอบด้วย EN-171/6.0/6.25/6.5 และ EN-182/6.25 ได้ถูกตีพิมพ์ลงในรายงาน Environmental Product Declaration (EPD) บนแพลตฟอร์ม EPDItaly ความสำเร็จครั้งนี้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนของ Envision Energy พร้อมมอบการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลแก่ลูกค้าและพันธมิตร ช่วยผลักดันอุตสาหกรรมจากการแข่งขันด้านราคาเพียงอย่างเดียวไปสู่การแข่งขันด้านคุณค่าทางสิ่งแวดล้อมตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ปูทางสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
EPD เป็นประกาศประเภทที่ 3 (Type III) ตามมาตรฐานซึ่งอ้างอิงจากการประเมินวัฏจักรชีวิต (Life Cycle Assessment หรือ LCA) โดยเปิดเผยผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ตลอดวงจรชีวิต ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบและการผลิต ไปจนถึงการใช้งานและการสิ้นสุดอายุการใช้งาน และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็น “พาสปอร์ตสีเขียว” สู่ตลาดสากล รายงานของ Envision ปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO 14025 อย่างเคร่งครัด และสอดคล้องกับ ISO 14040, ISO 14044 และ PCR EPDItaly013 – Wind Turbines โดยมีการวัดตัวชี้วัดสำคัญต่าง ๆ เช่น Global Warming Potential (GWP), Acidification Potential (AP) และ Eutrophication Potential (EP) เพื่อมอบข้อมูลเปรียบเทียบที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือสำหรับการลดการปล่อยคาร์บอน ความก้าวหน้าสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และการยกระดับประสิทธิภาพด้าน ESG
ผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งของ Envision เกิดจากนวัตกรรมตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์:
การออกแบบเชิงนิเวศและความสามารถในการรีไซเคิลสูง: LCA ทำหน้าที่เป็น “การสแกนสิ่งแวดล้อม” เพื่อทำแผนที่คาร์บอนฟุตพรินต์ของทุกองค์ประกอบและวัสดุ Envision ลดผลกระทบตั้งแต่ขั้นตอนแรกผ่านการออกแบบที่มีน้ำหนักเบาและการปรับแต่งวัสดุ ใช้โมเดลการใช้ทรัพยากรแบบต่อเนื่องเพื่อผสานประสิทธิภาพของวัสดุ ความคุ้มค่า และความยั่งยืนเข้ากับการออกแบบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น EPD ยังระบุศักยภาพในการนำกลับมาใช้เมื่อสิ้นอายุการใช้งานด้วยอัตราการรีไซเคิลของวัสดุที่ 85–90% แสดงให้เห็นถึงศักยภาพเชิงเศรษฐกิจหมุนเวียนที่แข็งแกร่ง
การลดคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน: Envision ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตร ผลักดันการตรวจวัดและจัดการคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2567 ซัพพลายเออร์หลักทั้งหมดได้เชื่อมต่อกับระบบ Carbon Management System ที่ใช้ AIoT โดยมี 18% ที่ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในการผลิตสินค้าสำหรับ Envision ขณะที่ตั้งเป้าหมายให้ห่วงโซ่อุปทานหลักทั้งหมดใช้พลังงานไฟฟ้าสีเขียวที่ 100% ภายในปี 2571
ผลผลิตที่สูงขึ้นด้วยนวัตกรรมการดำเนินงานและการบำรุงรักษา: ด้วยการวิจัยและพัฒนาภายในองค์กรและการผลิตชิ้นส่วนหลัก Envision ผสานหลักการลดคาร์บอนในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่คุณค่า กังหันแต่ละตัวติดตั้งระบบ Galileo SuperSense System ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคู่แฝดดิจิทัลตัวแรกของอุตสาหกรรมเพื่อการจัดการสุขภาพของสินทรัพย์กังหันลม ช่วยให้สามารถตรวจสอบแบบเรียลไทม์เพื่อยืดอายุการใช้งาน เพิ่มประสิทธิภาพ และลดความเข้มของการปล่อยคาร์บอน การเพิ่มประสิทธิภาพด้วยคู่แฝดดิจิทัลและการผสานการกักเก็บพลังงานลมในระดับฟาร์มยังช่วยให้พลังงานหมุนเวียนมีความน่าเชื่อถือ คุ้มค่า และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
เครื่องมือการจัดการคาร์บอนดิจิทัล: Envision Energy ได้สร้างแพลตฟอร์มการจัดการพลังงานและคาร์บอนดิจิทัลที่ครอบคลุมไซต์งานระดับโลก ผลิตภัณฑ์หลัก และห่วงโซ่อุปทานหลัก โดยใช้แพลตฟอร์ม EnOS Ark สำหรับการทำบัญชีคาร์บอนและการประเมินวงจรชีวิตเพื่อวัดและจัดการคาร์บอนฟุตพรินต์ของผลิตภัณฑ์อย่างแม่นยำ พร้อมกันนี้ยังมีการจัดตั้งฐานข้อมูล LCA ที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อยกระดับความถูกต้องของข้อมูลและสนับสนุนการรายงานด้านความยั่งยืนอย่างโปร่งใส
การเผยแพร่รายงาน EPD ครั้งนี้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนของ Envision Energy โดยมอบการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นที่ยอมรับระดับสากลแก่ลูกค้าและพันธมิตร นวัตกรรมและการออกแบบเชิงนิเวศของ Envision สามารถลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของผลิตภัณฑ์ ขยายคุณค่าด้านสิ่งแวดล้อมจากตัวผลิตภัณฑ์ไปสู่โซลูชัน และมีส่วนช่วยสร้างอนาคตที่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในระดับโลก
View original content to download multimedia: Read More