วันที่ 19 มิถุนายนตรงกับวันพ่อของจีนในปี 2565 หลาย ๆ คนหวนรำลึกถึงพ่อในความทรงจำ ตลอดจนอิทธิพลของพ่อที่ส่งผ่านมาถึงตน
เช่นเดียวกันกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ที่สืบทอดหลักปรัชญารับใช้ประชาชนมาจากนายสี จงซวิ่น ผู้เป็นพ่อ โดยนายสี จงซวิ่น เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำส่วนกลางรุ่นแรกของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC)
นายสี จงซวิ่น เชื่อว่าเจ้าหน้าที่และมหาชนคนทั่วไปล้วนเท่าเทียมกัน ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงต้องใช้ชีวิตท่ามกลางประชาชนอยู่เสมอ เพราะผู้นำเกิดขึ้นมาจากประชาชน ครั้งหนึ่งสี จงซวิ่น บอกลูกชายของตนว่า “ไม่ว่าลูกจะมีตำแหน่งอะไร จงรับใช้ประชาชนอย่างแข็งขัน คิดถึงประโยชน์สุขแห่งมหาชนจนหมดใจที่มี หมั่นใกล้ชิดกับประชาชน และอยู่ให้คนเข้าถึงได้อยู่เสมอ”
นายสี จิ้นผิง ยึดมั่นในคำสอนดังกล่าว โดยในช่วงปีแรก ๆ สมัยที่เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขาอำเภอเจิ้งติ้ง ในมณฑลเหอเป่ย ทางตอนเหนือของจีน นายสี จิ้นผิง เดินทางไปเยี่ยมหมู่บ้านทุกแห่งในอำเภอ และต่อมาเขาก็ไปเยี่ยมอำเภอและเมืองต่าง ๆ มากกว่า 90 แห่งทั่วมณฑลเจ้อเจียงภายในระยะเวลาเพียงปีกว่า
นับตั้งแต่การประชุมใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 18 ในปี 2555 เมื่อเขาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน นายสี จิ้นผิง ลงพื้นที่ต่าง ๆ ในประเทศเพื่อตรวจดูความเป็นอยู่ของประชาชนผู้ยากไร้
นายสี จิ้นผิง กล่าวไว้ในหลายวาระโอกาสว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนชนะใจประชาชน เพราะพรรครับใช้ประชาชนทั้งกายและใจเสมอมา และมุ่งสร้างความผาสุกร่มเย็นของประชาชนทุกหมู่เหล่า
‘จงภักดีต่อพรรค’
“มีอุปนิสัยที่ดีงามมากมายที่ผมอยากสืบทอดจากพ่อ” นายสี จิ้นผิง ซึ่งในเวลานั้นยังดำรงตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยนทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ระบุในจดหมายอวยพรวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 88 ปีของผู้เป็นบิดาเมื่อปี 2544 ซึ่งนายสีเองไม่สามารถมาร่วมงานได้เนื่องจากติดภารกิจการทำงาน
นายสี จงซวิ่น มักสอนลูก ๆ ให้จงรักภักดีต่อพรรคเสมอ “[พ่อของผมจะ] เล่าเรื่องการเข้าร่วมการปฏิวัติ ตลอดจนบอกให้เราเข้าร่วมการปฏิวัติ และเล่าว่ามันเป็นอย่างไร… สิ่งเหล่านี้ก็ค่อย ๆ มีอิทธิพลต่อตัวผม” นายสี จิ้นผิง กล่าว
นายสี จิ้นผิง ตัดสินใจว่าเขาจะรับช่วงต่อคบไฟแห่งการปฏิวัติตั้งแต่อายุยังน้อย และได้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่ออายุ 20 ปี
หลังการประชุมใหญ่ครั้งแรกของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 19 เมื่อปลายปี 2560 ซึ่งนายสีได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยที่ 2 คณะผู้นำพรรคจึงเดินทางไปเยี่ยมชมเรือจำลองแห่งหนึ่งทางตะวันออกของจีน ซึ่งเป็นที่ความฝันของพรรคได้เริ่มต้นขึ้น
“ปณิธานแรกเริ่มของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะต้องไม่เปลี่ยนแปลง” นายสีกล่าวกับกลุ่มแกนนำพรรค
ใช้ชีวิตเรียบง่าย
ตระกูลสีมักเข้มงวดกับลูก ๆ และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย
นายสี จงซวิ่น มักบอกกับลูก ๆ ของเขาให้ประหยัด นางสี เฉียวเฉียว ผู้เป็นลูกสาว เล่าย้อนความหลังว่า พ่อมักจะหยิบกินเมล็ดข้าวและเศษซาลาเปาที่หล่นจากโต๊ะขณะรับประทานอาหาร และสุดท้ายใช้ซาลาเปาซับน้ำซุปจนเกลี้ยงชาม นอกจากนี้ นายสี จิ้นผิง และน้องชาย เคยสวมใส่เสื้อผ้าและรองเท้าที่ส่งต่อมาจากพี่สาวทั้งสองคนอีกด้วย
นายสี จิ้นผิง ระบุในจดหมายเมื่อปี 2544 ว่า บิดาของเขา “ดำเนินชีวิตได้อย่างประหยัดที่สุด” พร้อมเสริมว่าเขาได้นิสัยขยันและมัธยัสถ์มาตั้งแต่เด็กเนื่องจากอิทธิพลของพ่อ