9krapalm.com

CGTN: จีนเผยทิศทางในอนาคตของนโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ”

รายงานที่นำเสนอโดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ระหว่างเปิดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ณ กรุงปักกิ่ง เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ถือเป็นการเริ่มการเดินทางครั้งใหม่ในการสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ในทุกด้าน

ในการเปิดเผยแผนงานสำหรับการสร้างจีนสังคมนิยมสมัยใหม่ในทุกด้าน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้อุทิศส่วนหนึ่งของรายงานเพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของนโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ”

“นโยบายนี้ต้องยึดถือในระยะยาว” ผู้นำจีนให้คำมั่น พร้อมกับขจัดข้อสงสัยและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอนาคตของนโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ”

“การจัดโครงสร้างสถาบันที่ดีที่สุด”

ตลอดทศวรรษที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ได้เห็นความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ของจีนในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและเขตบริหารพิเศษมาเก๊า

ระบบกฎหมายและกลไกการบังคับใช้กฎหมายในเขตบริหารพิเศษได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ โดยมีการออกกฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงแห่งชาติในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง พร้อมกับปรับปรุงระบบการเลือกตั้ง ส่วนทางด้านเขตบริหารพิเศษมาเก๊าก็เริ่มดำเนินการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ

นายสี จิ้นผิง เชิดชูนโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ว่าเป็นนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ของสังคมนิยมเอกลักษณ์จีน “นโยบายนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นการจัดโครงสร้างสถาบันที่ดีที่สุดเพื่อรับประกันความมั่งคั่งและความมั่นคงอย่างยั่งยืนของฮ่องกงและมาเก๊าหลังจากกลับคืนสู่มาตุภูมิ”

ผู้นำจีนยังคงยืนยันในหลักการ “ชาวฮ่องกงบริหารฮ่องกงและชาวมาเก๊าบริหารมาเก๊า” รวมถึงความเป็นอิสระในระดับสูงของเขตบริหารพิเศษทั้งสอง

นายจอห์น ลี (John Lee) ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เน้นย้ำว่ารายงานของนายสี จิ้นผิง เป็นแนวทางสำหรับการดำเนินการในอนาคตของเขตบริหารพิเศษทั้งสอง พร้อมแสดงความรู้สึกดีที่รายงานของผู้นำจีนอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับนโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ที่ใช้กับฮ่องกงและมาเก๊า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลกลางให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับงานที่เกี่ยวข้องกับเขตบริหารพิเศษทั้งสองและนโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ”

นายลีกล่าวว่า จีนให้การสนับสนุนเขตบริหารพิเศษฮ่องกงอย่างเต็มที่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ฮ่องกงต้องผ่านบททดสอบครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่กลับคืนสู่มาตุภูมิ

นายโฮ ยัต เส่ง (Ho Iat Seng) ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษมาเก๊า ยกย่องว่ารายงานของนายสี จิ้นผิง ได้ให้ทิศทางที่ชัดเจนแก่มาเก๊าเพื่อการปฏิบัติตามนโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ให้ประสบผลสำเร็จ

เขากล่าวว่า รายงานนี้ “แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลกลางให้ความสำคัญอย่างยิ่งและใส่ใจนโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” อย่างจริงใจ” พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวมาเก๊าอย่างมากในการพัฒนาเมือง

มีส่วนร่วมมากขึ้นในการพัฒนาประเทศ

ในรายงานดังกล่าว นายสี จิ้นผิง ให้คำมั่นที่จะช่วยเหลือเขตบริหารพิเศษทั้งสองในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและปัญหาที่หยั่งรากลึกซึ่งพบในระหว่างการพัฒนา โดยเน้นย้ำว่าจะพยายามสนับสนุนฮ่องกงและมาเก๊าให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศให้มากขึ้น

ขั้นตอนสำคัญสำหรับการพัฒนานโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” และจุดสำคัญในการดึงเขตบริหารพิเศษทั้งสองให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศให้มากขึ้น คือแผนพัฒนาเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า ซึ่งวางแผนและพัฒนาโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเอง

เขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า ประกอบด้วยเขตบริหารพิเศษทั้งสองและอีก 9 เมืองในมณฑลกวางตุ้ง ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 56,000 ตารางกิโลเมตร และครอบคลุมประชากรจีนราว 6% ของทั้งหมด

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า ได้เปลี่ยนแผนงานให้กลายเป็นการดำเนินงานอย่างรวดเร็ว โดยมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมภายใต้นโยบายการเดินทางระหว่างเมืองภายในหนึ่งชั่วโมง (one-hour living circle) ได้แก่ สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า, รถไฟด่วนกว่างโจว-เซินเจิ้น-ฮ่องกง และช่องทางข้ามแม่น้ำอื่น ๆ ที่เชื่อมฝั่งตะวันออกของปากแม่น้ำเพิร์ล (จูเจียง) กับชายฝั่งตะวันตก ทั้งนี้ ระยะทางรวมของเส้นทางรถไฟที่ให้บริการในเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า สูงถึงเกือบ 2,500 กิโลเมตร

ในปี 2564 มีบริษัท 25 แห่งในเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า ที่ติดอันดับบริษัทฟอร์จูน โกลบอล 500 (Fortune Global 500) เพิ่มขึ้นจาก 17 แห่งในปี 2560 ซึ่งแซงหน้าเขตอ่าวนิวยอร์กเป็นครั้งแรก

ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า อยู่ที่ 12.6 ล้านล้านหยวน (ราว 1.97 ล้านล้านดอลลาร์) ในปี 2564 เพิ่มขึ้นราว 2.4 ล้านล้านหยวนจากปี 2560 ทั้งนี้ เขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า มีที่ดินไม่ถึง 1% ของทั้งหมดทั่วประเทศ แต่กลับมี GDP คิดเป็นสัดส่วนถึง 12% ของ GDP ทั้งประเทศ

นายจ้าว เฉินซิน (Zhao Chenxin) รองประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) กล่าวในงานแถลงข่าวนอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 เมื่อวันจันทร์ที่แล้วว่า จีนจะพยายามทำให้เขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า เป็นแบบอย่างสำหรับการพัฒนาคุณภาพสูงโดยเน้นที่การส่งเสริมนวัตกรรมทางเทคโนโลยี การผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างสอดประสานกัน และการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น

https://news.cgtn.com/news/2022-10-21/How-does-China-set-tone-for-future-of-One-Country-Two-Systems–1ejG7iY1ne8/index.html

Exit mobile version