Bukalapak เข้าถือหุ้นใหญ่ใน iPrice เพื่อผลักดันแพลตฟอร์มเปรียบเทียบราคายอดนิยมให้เติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น

Bukalapak หนึ่งในบริษัทอีคอมเมิร์ซชั้นนำของอินโดนีเซีย ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้เข้าถือหุ้นใหญ่ใน iPrice ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเปรียบเทียบราคาชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการลงทุนเชิงกลยุทธ์นี้จะช่วยส่งเสริมให้ iPrice เติบโตได้เร็วขึ้นจากการร่วมมือกันของทั้งสองบริษัท

จากช่วงทศวรรษที่ผ่านมาตลาดอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว แม้แต่ธุรกิจเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในแวดวงนี้ ต่างก็เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นพอที่จะกลายมาเป็นผู้เล่นหลักได้ จากการสังเกตเห็นแนวโน้มดังกล่าว Bukalapak จึงตัดสินใจเปลี่ยนโฟกัสจากการแข่งขันกับผู้เล่นรายอื่น ๆ มาเป็นการสร้าง หรือควบรวมกิจการตลาดเฉพาะกลุ่ม เพื่อผลักดันให้บริษัทเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

กว่า 8 ปีที่ผ่านมา iPrice ได้สร้างตลาดเฉพาะกลุ่มขึ้นมา โดยมุ่งเน้นไปยังเหล่าผู้บริโภคที่คำนึงถึงเรื่องราคาก่อนเลือกซื้อสินค้า ด้วยเหตุนี้เอง iPrice จึงเข้าไปครองใจนักช้อปทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งภายในปี 2022 ทางบริษัทช่วยให้ผู้บริโภคมากกว่า 100 ล้านคนใน 7 ประเทศที่อยู่ในบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ประหยัดเงินมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ผ่านการใช้เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะของบริษัทในการคัดสรรข้อเสนอและส่วนลดที่ดีที่สุดมากกว่า 8 พันล้านรายการจากตลาดที่มีกิจกรรมการขายมากมาย รวมถึงส่วนลดที่ยากต่อการค้นหา

“ผมรู้จัก David และทีมมาหลายปีแล้ว และรู้สึกตื่นเต้นกับผลงานของพวกเขามาโดยตลอด ในที่สุดผมก็มีโอกาสในการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น” Willix Halim ซีอีโอของ Bukalapak กล่าว “ด้วยความเชี่ยวชาญในด้านอีคอมเมิร์ซของ Bukalapak ร่วมกับฐานผู้ใช้งานที่ภักดี และเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ iPrice เรามั่นใจว่าจะสามารถปลดล็อกศักยภาพของแพลตฟอร์มได้อย่างเต็มที่”

นักลงทุนของ iPrice อย่าง Itochu และ Naver ต่างก็ยินดีกับข้อตกลงนี้เช่นกัน หากย้อนไปเมื่อปีที่แล้วตลาดการระดมทุนซบเซาลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ iPrice ต้องลดขนาดธุรกิจหลายด้าน รวมถึงลดขนาดของทีมลงด้วย ซึ่งวิกฤตในครั้งนี้ก็ได้กลายเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้บริษัทได้ค้นหาแนวทางใหม่ ๆ ในการขยายธุรกิจอย่างชาญฉลาดกว่าเดิม โดยการเปลี่ยนแปลงนี้ทางกลุ่ม Bukalapak จะช่วยผลักดันธุรกิจเฉพาะกลุ่มต่าง ๆ ให้ไปสู่โอกาสใหม่ ๆ มากมาย

Heinrich Wendel ผู้ร่วมก่อตั้ง iPrice กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ Bukalapak และได้รับประโยชน์จากการทำงานร่วมกันของทั้งสองบริษัท ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถขยายบริการ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ที่อยู่ในตลาดเฉพาะกลุ่มได้ประหยัดเงินมากขึ้น เช่น ตลาดเกมมิ่ง และประเทศอื่น ๆ อย่างออสเตรเลีย”

iPrice จะยังคงดำเนินการในฐานะองค์กรอิสระ โดยรักษาสถานะที่เป็นกลางต่อผู้ใช้ และทำงานร่วมกับร้านค้า รวมถึงผู้ขายจำนวนมาก

เกี่ยวกับ iPrice Group

iPrice Group เป็นเพื่อนคู่ใจอันดับต้นของนักช้อปปิ้งออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยให้บริการแก่ผู้ใช้งานที่ไม่ซ้ำกันมากกว่า 125 ล้านคนใน 8 ประเทศและภูมิภาค ได้แก่ มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ไทย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และ ออสเตรเลีย ด้วยพันธกิจที่จะ “ช่วยให้ผู้คนประหยัดเงิน” ซึ่ง iPrice ช่วยนักช้อปโดยการเปรียบเทียบราคา รวมรวมโปรโมชั่น และส่วนลดข้อเสนอมากมายกว่า 8 พันล้านรายการ จากผู้ขายไปจนถึงร้านค้าหลายพันราย

เกี่ยวกับ Bukalapak

BUKA เป็นกลุ่มบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก และเป็นผู้ขับเคลื่อนเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับการเปลี่ยนแปลง MSME ในอินโดนีเซียรวมถึงแนวธุรกิจที่หลากหลาย

เราสร้างธุรกิจนี้ขึ้นมาเพื่อให้บริการผู้ใช้งานมากกว่า 110 ล้านคน และช่วยเหลือ MSMEs ในอินโดนีเซียกว่า 22 ล้านราย ผ่านแนวทางธุรกิจของเรา และในฐานะบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติอินโดนีเซียรายแรกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตอนนี้เรามุ่งเน้นในการใช้เทคโนโลยีเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ดิจิทัลในปัจจุบัน ทั้งสำหรับ MSMEs เช่นเดียวกันกับประชากรชาวอินโดนีเซีย พร้อมด้วยธุรกิจเฉพาะกลุ่มมากมาย ตั้งแต่มาร์เก็ตเพลส, การเงินและฟินเทค, ออฟไลน์ไปจนถึงออนไลน์ และแนวทางสำหรับผู้ค้าและการจัดซื้อจัดจ้าง

BUKA ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ยาวนานกว่าทศวรรษ เพื่อให้บริการแก่ผู้บริโภค และธุรกิจต่าง ๆ ในอินโดนีเซีย นอกจากนี้ BUKA ยังเป็นผู้สนับสนุนด้านเทคโนโลยี และเป็นเชื้อเพลิงของกลไกในการเปลี่ยนแปลงทางด้านดิจิทัลของอินโดนีเซียอีกด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BUKA โปรดเข้าไปที่ about.bukalapak.com

รูปภาพ – https://mma.prnewswire.com/media/2046017/The_team_priority_iPrice_finding_a_suitable_partner_unlock_future.jpg
คำบรรยายภาพ – ทีมงานมีความสำคัญเป็นอันดับแรกสำหรับ iPrice เสมอ ในการหาพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมเพื่อปลดล็อกการเติบโตในอนาคต