มิวนิก, 9 พ.ค. 2568 /PRNewswire/ — Envision Energy ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีสีเขียวเผยรายงาน Net Zero Action ประจำปี 2568 ที่งาน Smarter E Europe ในเมืองมิวนิก เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านสภาพอากาศ โดยบริษัทบรรลุนโยบายเป็นกลางทางคาร์บอนจากการดำเนินงานเป็นปีที่สามติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 2565 และใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในปี 2567 ซึ่งถือเป็นการบรรลุพันธสัญญา RE100 ก่อนกำหนดหนึ่งปี
รายงานเผยว่า Envision ปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 1 และ 2 เพียง 7,089 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์สมมูล ในปี 2567 จากฐานอ้างอิงที่ 84,000 ตัน บริษัทลดการปล่อยก๊าซลง 91% หรือประมาณ 77,000 ตัน ผ่านประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นและการใช้ไฟฟ้าหมุนเวียนทั้งในสถานที่และนอกสถานที่ คาดว่าภายในสิ้นปี 2567 ผลิตภัณฑ์ที่ Envision ส่งมอบจะหลีกเลี่ยงการปล่อยคาร์บอนทั่วโลกได้ประมาณ 2.35 พันล้านตัน
การพัฒนามาตรฐานใหม่ในห่วงโซ่อุปทานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ( Net-Zero) และการปล่อยคาร์บอนของผลิตภัณฑ์
Envision ได้ทำให้การสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนเป็นเสาหลักของกลยุทธ์ความยั่งยืน โดยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสีเขียวผ่านการเสริมอำนาจทางดิจิทัลและการบูรณาการเทคโนโลยีสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2567 ซัพพลายเออร์หลักทั้งหมดได้เข้าร่วมระบบการจัดการคาร์บอน EnOS Ark ของ Envision โดย 18% ใช้พลังงานสีเขียว 100% เพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์ให้กับ Envision บริษัทมีเป้าหมายที่จะนำพลังงานสีเขียวมาใช้อย่างเต็มรูปแบบในห่วงโซ่อุปทานหลักภายในปี 2571
Envision กำลังใช้ประโยชน์จากความเป็นผู้นำในการจัดการรอยเท้าคาร์บอนเพื่อขับเคลื่อนความก้าวหน้าทั่วทั้งอุตสาหกรรมผ่านเครือข่ายข้อมูลวงจรชีวิต ILCD ระหว่างประเทศ โดยร่วมมือกับภาคส่วนแบตเตอรี่และ PV เพื่อสร้างฐานข้อมูลรอยเท้าคาร์บอนของผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานสากล ความคิดริเริ่มนี้ช่วยลดช่องว่างข้อมูลที่สำคัญ อีกทั้งส่งเสริมให้บริษัทต่าง ๆ ปรับเปลี่ยนห่วงโซ่คุณค่า ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก
โครงการไฮโดรเจนและแอมโมเนียสีเขียวของ Envision ใน Chifeng กลายเป็นโครงการแรก ๆ ของโลกที่ได้รับการรับรองจาก Bureau Veritas ในฐานะแอมโมเนียหมุนเวียน นอกจากนี้ Envision ยังได้รับการรับรองรอยเท้าคาร์บอนจาก TÜV SÜD สำหรับตู้เก็บพลังงานอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์มาตรฐานยุโรปในงาน Smarter E Europe 2025 ด้วย นับเป็นการรับรองที่เปิดเผยต่อสาธารณะครั้งแรก อีกทั้งยังกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่
บุกเบิกโมเดลนิคมอุตสาหกรรม Net-Zero ที่มี AI เป็นแกนหลัก
หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงของ Envision คือการผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับผลิตภัณฑ์พลังงานหมุนเวียนอย่างลึกซึ้ง Envision ได้สร้างระบบกังหันลม AI ที่มีรูปแบบ “การรับรู้-การตัดสินใจ-การดำเนินการ-วิวัฒนาการ” แบบวงจรปิด โดยผสานอัลกอริทึม AI เข้ากับเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ ระบบนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพลังงานหมุนเวียนและการดูดซับกริดได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ โมเดล AI สำหรับการพยากรณ์อากาศ ความเสี่ยง ราคา และการซื้อขายพลังงานยังช่วยปรับเปลี่ยนรูปแบบการโต้ตอบระหว่างพลังงานหมุนเวียนกับตลาดพลังงานอีกด้วย
Envision กำลังปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์อุตสาหกรรมทั่วโลกด้วยการผสานพลังงานสีเขียวและการผลิตสีเขียวเข้าไว้ในคลัสเตอร์อุตสาหกรรมยั่งยืนโดยมี AI เป็นแกนหลักในฐานะผู้บุกเบิกรูปแบบนิคมอุตสาหกรรม net-zero หลังจากเปิดตัวนิคมอุตสาหกรรม net zero แห่งแรกของโลกใน Ordos โครงการไฮโดรเจน-แอมโมเนียสีเขียวของ Envision Energy ใน Chifeng ได้เริ่มการผลิต 300,000 ตันแรก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญครั้งใหม่ของภาคส่วนนี้ ในขณะเดียวกัน นิคมอุตสาหกรรมไฮโดรเจนสุทธิเป็นศูนย์ที่กำลังจะเปิดดำเนินการในสเปนจะมีการผลิตอุปกรณ์ไฮโดรเจนและการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวเพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยคาร์บอนและการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรมของยุโรป จากความสำเร็จเหล่านี้ Envision วางแผนที่จะดำเนินการในรูปแบบดังกล่าวทั่วโลกโดยร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อปลดล็อกโอกาสใหม่ ๆ และขับเคลื่อนยุคใหม่แห่งความรุ่งเรืองอันยั่งยืน
การสร้างระบบนิเวศ Net-Zero ข้ามภาคส่วน
ในปี 2567 ระบบนิเวศพันธมิตรด้านเทคโนโลยี net zero ทั่วโลกของ Envision ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง Envision ร่วมกับ Starbucks ได้เปลี่ยน Starbucks Coffee Innovation Park ให้กลายเป็นวิทยาเขตที่ยั่งยืนที่สุด โดยขับเคลื่อนด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% และลดการปล่อยคาร์บอนได้ประมาณ 78,000 ตันต่อปี Envision ร่วมกับ Merck China กำลังพัฒนาการจัดหาพลังงานสีเขียวและบริการจัดการคาร์บอน เพื่อสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางภูมิอากาศของ Merck ในปี 2573 ในการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ Envision ได้ลงนามในข้อตกลงการซื้อขายแอมโมเนียสีเขียวครั้งประวัติศาสตร์กับ Marubeni Corporation เพื่อยืนยันศักยภาพเชิงพาณิชย์และสร้างมาตรฐานระดับโลกใหม่ Envision กำลังสร้างเครือข่าย net-zero ข้ามภาคส่วนที่กำลังเติบโตซึ่งครอบคลุมถึงพลังงาน การผลิต การค้าปลีก และโลจิสติกส์ อันก่อให้เกิดระบบนิเวศความร่วมมือการลดคาร์บอนอันชาญฉลาดจาก Starbucks ไปจนถึง Marubeni
Net-zero ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็น Envision จะร่วมมือกับพันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกันทั่วโลกเพื่อขับเคลื่อนวิสัยทัศน์แห่งความรุ่งเรืองอันยั่งยืนร่วมกันและช่วยให้ชนะการแข่งขันกับความท้าทายด้านสภาพอากาศ
View original content to download multimedia: Read More