บนสนทนาเรื่องเพศกับสังคมไทยยังเป็นหัวข้อที่ชวนให้หลายคนกระอักกระอ่วน เพราะถูกสั่งสอนกันมาว่าเรื่องแบบนี้ควรเก็บให้มิดชิด โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่ควรแสดงออกถึงความคิดหรือความต้องการเพราะ “มันไม่งาม” ทำให้หลายครั้งเกิดความเข้าใจผิดกันในความต้องการระหว่างคน 2 คน เรื่องที่ควรเกิดขึ้นด้วยความยินยอมพร้อมใจที่วิน-วินกันทั้ง 2 ฝ่าย หลายครั้งมีแค่ฝ่ายเดียวที่ได้เข้าสู่เส้นชัยเพียงเพราะไม่สื่อสารกันหรือสื่อสารกันไม่เข้าใจ
หัวข้อเรื่องเพศควรถูกหยิบยกขึ้นมาสนทนากันได้อย่างตรงไปตรงมา อย่างน้อยก็สำหรับคู่ที่มีความสัมพันธ์กัน แต่บางครั้งการตรงไปตรงมาเกินไปก็สร้างความอึดอัดให้คู่สนทนาได้ เป็นความขัดแย้งที่ยากจะหาทางออก เดือนนี้แอปพลิเคชัน JD จึงสำรวจความคิดเห็นผู้ใช้ระหว่างเพศชายและหญิง เพื่อดูว่าทั้ง 2 กลุ่มมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับบทสนทนาเรื่องเพศ อะไรทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันในหลายครั้ง และต้องทำอย่างไรให้เข้าใจความต้องการของกันและกัน
ท่ามกลางผู้ใช้แอปพลิเคชัน JD ผู้ชายร้อยละ 89 และผู้หญิงร้อยละ 76 เห็นด้วยว่าการพูดคุยกันถึงความต้องการทางเพศเป็นเรื่องสำคัญ ขณะเดียวกันหลายคนก็เห็นว่าแม้จะสำคัญ แต่เรื่องเพศก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถคุยได้กับทุกคน โดยร้อยละ 53 บอกว่าตนเองไม่คุยเรื่องเพศกับคนที่เพิ่งรู้จักกัน ร้อยละ 45 บอกว่าตนเองไม่คุยเรื่องเพศกับกลุ่มเพื่อน และร้อยละ 16 ไม่คุยเรื่องเพศกับคู่ของตนเอง
นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าการพูดคุยที่ผู้ชายและผู้หญิงต้องการก็ยังแตกต่างกันอยู่ ฝ่ายชายส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 48 คิดว่าควรพูดตรงๆ เลยว่าต้องการอะไร โดยให้เหตุผลว่าจะได้ไม่ต้องเสียเวลานาน ขณะที่ผู้หญิงร้อยละ 55 คิดว่าอยากให้ชวนคุยทำความรู้จักกันก่อน เพื่อจะได้รู้จักนิสัยใจคอในเบื้องต้นก่อนเข้าสู่เรื่องทางเพศ แต่แม้จะรู้จักกันบ้างแล้วก็ยังไม่ได้การันตีว่าบทสนทนาทางเพศนั้นจะไม่กระอักกระอ่วน
เห็นได้ชัดว่าระหว่างผู้ชายและผู้หญิงยังมีภาพการพูดคุยที่แตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือเทคนิคในการพูดคุย เริ่มจากการสร้างบรรยากาศที่ปลอดภัย ไม่คิดไปเองว่าอีกฝ่ายจะโอเค ไม่ใช้คำพูดคุกคาม ไม่สร้างบทสนทนาที่ทำให้อีกฝ่ายอึดอัด และท่องไว้เสมอว่าคำว่า “ไม่” มีความหมายว่า “ไม่”
แอปพลิเคชัน JD ขอสนับสนุนการพูดคุยถึงความต้องการทางเพศอย่างตรงไปตรงมา แต่ขณะเดียวกันก็ไม่คุกคามสวัสดิภาพหรือพื้นที่ปลอดภัยของคนอื่นเช่นเดียวกัน