ข้อมูลการศึกษายา TIBSOVO เมื่อใช้ร่วมกับ Azacitidine

TIBSOVO เมื่อใช้ร่วมกับ azacitidine ยังแสดงการเพิ่มอัตราการหายขาด (complete remission rate) อัตราการหายขาดที่มีการฟื้นฟูของเลือดบางส่วน(partial hematologic recovery) และอัตราการตอบสนองต่อการรักษา (objective response rate) เมื่อเทียบกับในการให้ยาหลอกกับ azacitidine

คุณสมบัติด้านความปลอดภัยเป็นไปในทางบวกและสอดคล้องกับข้อมูลที่มีการตีพิมพ์ก่อนหน้านี้

ข้อมูลจากการศึกษาทดลอง AGILE ระยะที่ 3 ของผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอิลอยด์ที่มีการกลายพันธุ์ใน IDH1 โดยไม่ได้รับการรักษามาก่อนหน้า จะมีการบรรยายนำเสนอในวันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 และเป็นส่วนหนึ่งของการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของงานประชุมประจำปีด้านโลหิตวิทยาAmerican Society of Hematology Annual Meeting ครั้งที่ 63

Servier ผู้นำที่กำลังเติบโตในด้านการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งมุ่งบรรลุคำสัญญาแห่งอนาคตสำหรับผู้ป่วยที่เราให้บริการ ได้ประกาศข้อมูลจากการศึกษาทดลองระยะที่ 3 ซึ่งบ่งชี้ว่า TIBSOVO(R) (ยาเม็ด ivosidenib) ร่วมกับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด azacitidine เพิ่มระยะเวลาการมีชีวิตรอดโดยไม่มี

เหตุการณ์ (EFS) และอัตราการรอดชีวิตโดยรวม (OS) ได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับการใช้ azacitidine ร่วมกับยาหลอกในผู้ใหญ่ที่เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอิลอยด์ (AML) ที่มีการกลายพันธุ์ใน IDH1 โดยไม่ได้รับการรักษามาก่อนหน้า ซึ่งไม่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดแบบเข้มข้น ข้อมูลเหล่านี้จากการศึกษาวิจัย AGILE ระดับโลกจะมีการบรรยายนำเสนอในวันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 ระหว่างเวลา 14:45 – 16:45 น. (ตามเวลา ET)Abstract #697 และเป็นส่วนหนึ่งของการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของมหกรรมและงานประชุมประจำปีด้านโลหิตวิทยา American Society of Hematology AnnualMeeting and Exposition ครั้งที่ 63

การรักษาด้วย TIBSOVO ร่วมกับ azacitidine แสดงการเพิ่มระยะเวลาการมีชีวิตรอดโดยไม่มีเหตุการณ์ (EFS) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (อัตราส่วนความเสี่ยงอันตรายหรือ hazard ratio [HR] = 0.33, 95% CI 0.16, 0.69, ค่า P ในการทดสอบทางเดียว = 0.0011 1,2) นอกจากนี้ การใช้ TIBSOVO ร่วมกับazacitidine ยังแสดงการเพิ่มขึ้นของอัตราการรอดชีวิตโดยรวม (OS) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (HR = 0.44 [95% CI 0.27, 0.73]; ค่า P ในการทดสอบทางเดียว = 0.0005) โดยมีค่ามัธยฐานของอัตราการรอดชีวิตโดยรวม 24.0 เดือนในกลุ่มที่ใช้ ivosidenib + azacitidine เมื่อเทียบกับ 7.9 เดือนในกลุ่มที่ใช้ยาหลอก + azacitidine

“ข้อค้นพบที่สำคัญนี้จากการศึกษาวิจัย AGILE ระยะที่ 3 สำหรับ TIBSOVO ได้ส่งเสริมหลักฐานของเราที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการสนับสนุนเหตุผลในการมุ่งเป้ารักษาการกลายพันธุ์ใน IDH1 ตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มของโรคมะเร็งเม็ดเลือดอย่างโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอิลอยด์” แพทย์หญิง SusanPandya รองประธานฝ่ายการพัฒนาเชิงคลินิกและหัวหน้าฝ่าย Cancer Metabolism และการพัฒนาระดับโลกด้านการรักษามะเร็งและภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง ของServier Pharmaceuticals กล่าว “ถึง 10% ของผู้ป่วยโรค AML มีการกลายพันธุ์ในเอนไซม์ IDH1 และมีตัวเลือกการรักษาที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างจำกัดโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เพิ่งได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคและยังเข้ารับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดแบบเข้มข้นไม่ได้”

ผลการศึกษาเพิ่มเติม

ผู้วิจัยรายงานผลการบรรลุผลลัพธ์เป้าหมายรองของการศึกษาทดลอง AGILE ประกอบด้วย

อัตราการหายขาด (CR) อยู่ที่ 47.2% (n=34/72) สำหรับการรักษาด้วย TIBSOVO ร่วมกับ azacitidine เทียบกับ 14.9% (n=11/74) สำหรับการใช้ยาหลอกร่วมกับ azacitidine (p < 0.0001)อัตราการหายขาด + อัตราการหายขาดที่มีการฟื้นฟูของเลือดบางส่วน (CR + CRh rate) อยู่ที่ 52.8% (n=38/72) สำหรับการรักษาด้วย TIBSOVO ร่วมกับ azacitidine เทียบกับ 17.6%(n=13/74) สำหรับการใช้ยาหลอกร่วมกับ azacitidine (p < 0.0001)อัตราการตอบสนองต่อการรักษา

(ORR) อยู่ที่ 62.5% (n=45/72) สำหรับการใช้ TIBSOVO ร่วมกับ azacitidine เทียบกับ 18.9% (n=14/74) สำหรับการใช้ยาหลอกร่วมกับ azacitidine (p <

0.0001)

"เรารู้สึกตื่นเต้นกับแนวโน้มของการเพิ่มตัวเลือกการรักษาใหม่ให้กับผู้ป่วยโรค AML ที่มีการกลายพันธุ์ใน IDH1 โดยไม่เคยได้รับการรักษามาก่อน ซึ่งช่วยเพิ่มประโยชน์เชิงคลินิกที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอิลอยด์และมีการกลายพันธุ์ใน IDH1" ดร. นพ. Patrick

Therasse รองประธาน และหัวหน้าฝ่ายการจัดการวงจรชีวิตระยะสุดท้ายในด้านการรักษามะเร็งและภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง Servier Group กล่าว

โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอิลอยด์เป็นมะเร็งชนิดที่มีการลุกลามอย่างรวดเร็ว และมักไม่มีการทำนายอาการของโรคที่แม่นยำ" ดร. นพ.Stephane De Botton หัวหน้านักวิจัยและหัวหน้าคณะกรรมาธิการโลหิตวิทยาสหวิทยาการ Institut Gustave Roussy ในวิลล์ชูอิฟ ฝรั่งเศส กล่าว "เป้าหมายของเราในการรักษาคือการยืดระยะเวลาการรอดชีวิตโดยรวม ในแง่นี้ ประโยชน์เชิงคลินิกที่น่าประทับใจหลังจากการรักษาด้วย TIBSOVO ร่วมกับ azacitidineมีแนวโน้มที่ดีมากสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอิลอยด์ที่มีการกลายพันธุ์ใน IDH1 โดยไม่ได้รับการรักษามาก่อนหน้า"

เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (AE) ทั่วไปทุกระดับเกิดขึ้นในผู้ป่วยมากกว่า 20% ที่ได้รับ TIBSOVO ร่วมกับ azacitidine โดยเปรียบเทียบกับที่ได้รับยาหลอกร่วมกับ azacitidine ประกอบด้วย อาการคลื่นไส้ (42.3% เทียบกับ 38.4%), อาเจียน (40.8% เทียบกับ 26.0%), ท้องเสีย (35.2% เทียบกับ 35.6%),

ไข้ (33.8% เทียบกับ 39.7%), ภาวะโลหิตจาง (31.0% เทียบกับ 28.8%), ภาวะไข้จากเม็ดเลือดขาวต่ำ (28.2% เทียบกับ 34.2%), ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (28.2%เทียบกับ 20.5%), ภาวะเม็ดเลือดขาวนิวโทรฟิลต่ำ (28.2% เทียบกับ 16.4%), ท้องผูก (26.8% เทียบกับ 52.1%) และภาวะปอดบวม (23.9% เทียบกับ 31.5%)

โครงการศึกษาวิจัย AGILE ได้ยุติการรับผู้ป่วยเพิ่มเติม เนื่องจากข้อมูลด้านประสิทธิผลที่มีแนวโน้มเชิงบวกของ TIBSOVO

Servier อยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลด้านสุขภาพ เกี่ยวกับการยื่นขอเพิ่มเติมข้อบ่งใช้ที่ได้รับการอนุมัติแล้วในขณะนี้สำหรับ TIBSOVO

ขณะนี้ TIBSOVO[*] ได้รับการอนุมัติในสหรัฐให้เป็นยารักษาแบบเดี่ยวสำหรับการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอิลอยด์ (AML) วัยผู้ใหญ่ที่กลับมาเป็นซ้ำหรือมีการดื้อยาและมีการกลายพันธุ์ใน IDH1 และสำหรับผู้ใหญ่ที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค AML ที่มีการกลายพันธุ์ในIDH1 และมีอายุ 75 ปีขึ้นไปหรือที่มีโรคอื่นเกิดร่วมกัน (comorbidity) ทำให้ไม่สามารถใช้การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดแบบเข้มข้นได้ นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ TIBSOVO ยังได้รับการอนุมัติให้เป็นยารักษาแบบพุ่งเป้าชนิดแรกและชนิดเดียวสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งท่อน้ำดีที่มีการกลายพันธุ์ใน IDH1

เกี่ยวกับการทดลอง NCT03173248 AGILE Phase 3 AML

การทดลอง AGILE เป็นโครงการทดลองทางคลินิกเฟส 3 ที่ดำเนินการตามศูนย์ต่าง ๆ ทั่วโลก โดยมีการสุ่ม ควบคุมกลุ่มที่ใช้ยาหลอก และอำพรางสองฝ่าย เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ TIBSOVO ในการใช้ควบคู่กับ azacitidine เทียบกับยาหลอกควบคู่กับยา azacitidine ในกลุ่มผู้ป่วย AML ที่มีการกลายพันธุ์ใน IDH1 โดยไม่ได้รับการรักษามาก่อน และไม่เข้าข่ายรับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดเข้มข้น (อายุ 75 ปีขึ้นไปหรือที่มีโรคอื่นเกิดร่วมกัน ทำให้ไม่สามารถใช้การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดแบบเข้มข้นได้) การวิจัยดังกล่าวมีผลลัพธ์หลักอยู่ที่อัตราการอยู่รอดโดยปราศจากโรค (EFS) ซึ่งหมายถึงระยะเวลาตั้งแต่ขณะสุ่ม ไปจนถึงความล้มเหลวในการรักษา การกลับมาเป็นซ้ำหลังอาการทุเลาแล้ว หรือการเสียชีวิตไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด แล้วแต่ว่าเกิดเหตุการณ์ใดก่อน ซึ่งความล้มเหลวในการรักษานี้หมายถึงความล้มเหลวในการรักษาให้โรคสงบ (CR) ภายในสัปดาห์ที่ 24

ส่วนผลลัพธ์รองอื่น ๆ ประกอบด้วยอัตราการรักษาให้โรคสงบ (อัตรา CR) ซึ่งหมายถึงสัดส่วนผู้ร่วมการวิจัยที่ได้รับการรักษาจนโรคสงบแล้ว; อัตราชีพรอดโดยรวม (OS) ซึ่งหมายถึงเวลานับตั้งแต่วันที่สุ่ม ไปจนถึงวันเสียชีวิตไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม; อัตรา CR และการรักษาให้โรคสงบโดยมีอัตราฟื้นตัวจากโรคเลือดบางส่วน (อัตรา CRh) ซึ่งหมายถึงสัดส่วนผู้ร่วมการวิจัยที่ได้รับการรักษาจนโรคสงบแล้วหรือรักษาให้โรคสงบโดยมีอัตราฟื้นตัวจากโรคเลือดบางส่วน และอัตราการตอบสนอง (ORR) ซึ่งหมายถึงอัตรา CR, อัตรา CR โดยมีอัตราฟื้นตัวจากโรคเลือดไม่สมบูรณ์ (CRi) (รวมถึง CR ที่เกล็ดเลือดฟื้นตัวไม่สมบูรณ์ [CRp]), การรักษาจนโรคสงบบางส่วน (PR) และอัตราการปลอดมะเร็งเม็ดเลือดขาวจากรูปพรรณสัณฐาน (MLFS)

เกี่ยวกับมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอิลอยด์มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอิลอยด์ (AML) เป็นมะเร็งเม็ดเลือดและไขกระดูกที่โรคลุกลามได้อย่างรวดเร็ว และเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ใหญ่ โดยแต่ละปีมีผู้ป่วยโรคนี้เพิ่มขึ้นราว 20,000 รายในสหรัฐ และราว43,000 รายในยุโรป[3],[4] ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอิลอยด์ส่วนใหญ่มักกลับมาเป็นซ้ำในท้ายที่สุด AML แบบไม่ตอบสนองต่อการรักษาหรือกลับมาเป็นซ้ำนั้นคาดคะเนอาการได้ยาก[5] โดยมีอัตราการอยู่รอดในระยะเวลา 5 ปีอยู่ที่ประมาณ 27%[3] และสำหรับผู้ป่วย AML เป็นสัดส่วน 6-10%นั้น เอนไซม์ IDH1 กลายพันธุ์จะขัดขวางการเปลี่ยนสภาพเป็นเซลล์เฉพาะของสเต็มเซลล์ ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน[6]

เกี่ยวกับ Servier Pharmaceuticals

Servier Pharmaceuticals LLC เป็นบริษัทที่มีจุดประสงค์เพื่อหวังกำไร โดยมีความหลงใหลในการคิดค้นนวัตกรรมและยกระดับชีวิตของผู้ป่วย ครอบครัว และผู้ดูแล Servier เป็นบริษัทเอกชนที่มีอิสระในการทุ่มเวลาและแรงกาย เพื่อให้ความสำคัญกับผู้ที่ต้องการการรักษาและการดูแลจากเรา โดยมีนวัตกรรมขับเคลื่อนอนาคตในขอบข่ายที่ยังไม่มีการตอบสนองทางการแพทย์

Servier เป็นผู้นำที่กำลังเติบโตในวงการโรคมะเร็ง โดยทุ่มเทให้กับการค้นหาโซลูชันที่จะเข้ามาแก้ปัญหาท้าทายในทุกวันนี้ ผลิตภัณฑ์ยารักษามะเร็งสุดล้ำของบริษัทได้รับการออกแบบเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาที่จะเข้ามาช่วยชีวิตของพวกเขามากขึ้น ครอบคลุมโรคในทุกแง่มุมและเนื้องอกประเภทต่าง ๆ

Servier เชื่อว่า การร่วมสร้างเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรม โดยบริษัทกำลังมุ่งสร้างพันธมิตร การซื้อกิจการ ข้อตกลงในการออกใบอนุญาตและความร่วมมือต่าง ๆ เพื่อก่อให้เกิดโซลูชันและเร่งการเข้าถึงแนวทางรักษาโรค Servier Pharmaceuticals เพียบพร้อมด้วยความเชี่ยวชาญทางการค้า การเข้าถึงระดับโลก ความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ และความมุ่งมั่นต่อความเป็นเลิศทางคลินิก โดยอุทิศตนในการนำเสนอคำมั่นสัญญาในวันข้างหน้าแก่ผู้ป่วยที่เราให้บริการ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.servier.us

ติดตามเราทางโซเชียลมีเดีย LinkedIn, Twitter

เกี่ยวกับ Servier Group

Servier เป็นบริษัทเภสัชภัณฑ์ระดับโลกที่มีมูลนิธิแห่งหนึ่งเป็นผู้ดูแล Servier มีการดำเนินงานใน 150 ประเทศทั่วโลก มีรายได้รวม 4.7 พันล้านยูโรในปี 2563 และมีพนักงาน 22,500 คน Servier เป็นกลุ่มอิสระที่นำรายได้กว่า 20% ไปลงทุนในการวิจัยและพัฒนาในแต่ละปี กลุ่มบริษัทมีเป้าหมายเพื่อเร่งการคิดค้นนวัตกรรมรักษาโรคเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วย โดยมีความมุ่งมั่นต่อนวัตกรรมความร่วมมือแบบเปิดกว้างร่วมกับพันธมิตรในแวดวงวิชาการ กลุ่มเภสัชภัณฑ์ และบริษัทไบโอเทค ทั้งยังผสานเสียงจากผู้ป่วยลงในแกนกลางกิจกรรมของบริษัทด้วย

Servier Group เป็นผู้นำด้านวิทยาโรคหัวใจ โดยมีความมุ่งมั่นในการก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นที่ล้ำนวัตกรรมและมีชื่อเสียงโด่งดังในด้านมะเร็ง การเติบโตของบริษัทมีรากฐานอยู่บนความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับโรคหัวใจร่วมหลอดเลือดและการเผาผลาญ วิทยามะเร็ง ประสาทวิทยาศาสตร์ และการอักเสบในระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนเข้าถึงบริการสุขภาพ Servier Group ยังนำเสนอยาสามัญคุณภาพสูงครอบคลุมพยาธิวิทยาส่วนใหญ่ด้วย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.servier.com ติดตามเราทางโซเชียลมีเดีย LinkedIn, Facebook, Twitter

สื่อมวลชนติดต่อServier Group (ฝรั่งเศสและทั่วโลก)

Sonia Marques

presse@servier.com

+33 (0)1 55 72 40 21 / + 33 (0)7 84 28 76 13

Servier Pharmaceuticals (สหรัฐ)

Megan Talon

megan.talon@servier.com

+1 857-895-4334

การเปิดเผยข้อมูล

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับ Servier Group และหน่วยงานในสังกัด (ในที่นี้เรียกว่า "Servier และหน่วยงานในสังกัด")โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ข้อมูลที่ว่านี้คาดว่ามีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ดี Servier และหน่วยงานในสังกัด ไม่ได้ให้การรับรองความ

สมบูรณ์ครบถ้วนของข้อมูลที่ระบุหรือจัดหาไว้ในที่นี้ และไม่ขอรับผิดชอบหรือรับผิดใด ๆ ไม่ว่าจะในสัญญา การละเมิด ความประมาทเลินเล่อ และอื่น ๆหากข้อมูลดังกล่าวไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ในกรณีใดก็ตาม

Servier และหน่วยงานในสังกัดไม่ได้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้ผู้รับข้อมูลนี้ โดยการตัดสินใจในการดำเนินการต่อนั้นขึ้นอยู่กับผู้รับสารนี้เท่านั้นด้วยเหตุนี้ ก่อนที่ผู้รับข้อมูลจะดำเนินการใด ๆ ตามที่เสนอไว้ ผู้รับข้อมูลนี้ควรประเมินความเสี่ยงและข้อดีทางเศรษฐกิจ รวมถึงลักษณะและผลกระทบ

ทางกฎหมาย ภาษี และบัญชี ของการดำเนินการดังกล่าวโดยไม่พึ่งพา Servier หรือหน่วยงานในสังกัด และประเมินว่ารับความเสี่ยงเหล่านี้ได้หรือไม่

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ยังประกอบด้วยข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ซึ่งมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนหลายระดับ โดยยาใหม่ที่อยู่ระหว่างการทดลองและข้อบ่งใช้ต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์เพิ่มเติม รวมถึงการอนุมัติจากฝ่ายกำกับดูแล โดย FDA ยังไม่ได้อนุมัติให้ใช้งาน

ความไว้วางใจต่อเอกสารฉบับนี้ถือเป็นความเสี่ยงของผู้ให้ความไว้วางใจนั้นเอง ข้อมูลในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นข้อเสนอขายหรือชักชวนให้ดำเนินการ

เนื้อหาในเอกสารฉบับนี้ไม่ได้สมบูรณ์ครบถ้วน เพราะเป็นบทสรุปเท่านั้น โดยไม่ได้รวมถึงข้อมูลสำคัญทั้งหมดเกี่ยวกับ Servier และหน่วยงานในสังกัด

รวมถึงผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

Servier และหน่วยงานในสังกัด ขอสละสิทธิ์ในการรับรอง รับประกัน เงื่อนไข และค้ำประกันใด ๆ ทั้งหมดไม่ว่าจะระบุโดยชัดแจ้ง เป็นนัย ตามกฎหมาย หรืออื่น ๆ ตามเท่าที่กฎหมายและระเบียบบังคับต่าง ๆ ยินยอมให้ทำได้ และไม่ขอรับผิดชอบต่อบุคคลใดในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเอกสารนี้ Servier และหน่วยงานในสังกัด ไม่รับประกันหรือรับรองว่าข้อมูลหรือความคิดเห็นในเอกสารฉบับนี้จะถูกต้องหรือสมบูรณ์ครบถ้วน โดยไม่ทำให้เสียข้อกำหนดทั่วไปที่ระบุไว้ข้างต้น

Servier และหน่วยงานในสังกัด ขอไม่รับผิดต่อการสูญเสีย ความเสียหาย หรือค่าเสียหายใด ๆ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ตามเท่าที่กฎหมายและระเบียบบังคับต่าง ๆ ยินยอมให้ทำได้ ไม่ว่าจะมาจากสัญญา การละเมิด (รวมถึงความประมาทเลินเล่อ) ความรับผิดโดยเคร่งครัด หรืออื่นใด ในส่วนของค่าเสียหายทางตรง ทางอ้อม โดยบังเอิญ สืบเนื่องมา เป็นการลงโทษ หรือกรณีพิเศษอื่น ๆ ที่มีสาเหตุหรือสัมพันธ์กับเอกสารนี้ ซึ่งรวมถึง (แต่ไม่จำกัดเพียง) การดำเนินการใด ๆ โดยมีมูลฐานเดียวกัน

ตัวเลขคาดคะเน กลยุทธ์ และมุมมองที่ระบุไว้ในเอกสารนี้ ประเมินจากข้อมูลที่เกิดขึ้นในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ

เกี่ยวกับ TIBSOVO(R) ( ยาเม็ด ivosidenib)

TIBSOVO เป็นยายับยั้ง isocitrate dehydrogenase-1 (IDH1) เพื่อรักษาผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่ที่พบการกลายพันธุ์ของ IDH1 ที่มีความไว ตามที่ตรวจจับได้ในการทดสอบที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA ใน

มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอิลอยด์ (AML)

ผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่ที่เพิ่งวินิจฉัยว่าเป็น AML โดยมีอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 75 ปี หรือมีโรคที่เกิดขึ้นร่วมกันจนทำให้รักษาด้วยยาเคมีบำบัดแบบเข้มข้นไม่ได้ผู้ป่วย AML แบบไม่ตอบสนองต่อการรักษาหรือกลับมาเป็นซ้ำ

มะเร็งท่อน้ำดีขั้นลุกลามเฉพาะจุดหรือระยะแพร่กระจาย

ผู้ป่วยโรคมะเร็งท่อน้ำดีขั้นลุกลามเฉพาะจุดหรือระยะแพร่กระจายที่เคยเข้ารับการรักษามาแล้ว