บริษัท 12 แห่งในแนวร่วมปฏิบัติด้านขยะพลาสติก (Coalition of Action on Plastic Waste) ของประชาคมสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Goods Forum หรือ CGF) ได้เผยแพร่จดหมายที่ส่งถึงซัพพลายเออร์ หน่วยงานกำกับดูแล และนักลงทุน เพื่อแสดงความต้องการในการจัดซื้อวัสดุรีไซเคิลเชิงเคมีที่ผลิตขึ้นตามหลักการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยผลการสำรวจบริษัทสมาชิกแนวร่วมฯ ในวงกว้างบ่งชี้ความต้องการใช้วัสดุรีไซเคิลเชิงเคมีรวม 800,000 ตันต่อปีภายในปี 2573 ทั้งยังต้องการวัสดุรีไซเคิลเชิงกลด้วย
เมื่อเดือนเมษายน 2565 ที่ผ่านมา สมาชิกของกลุ่มแนวร่วมฯ ได้เผยแพร่เอกสารวิสัยทัศน์และหลักการ (Vision and Principles Paper) ในหัวข้อ “การรีไซเคิลเชิงเคมีในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับพลาสติก” (Chemical Recycling in a Circular Economy for Plastics) ซึ่งสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลพลาสติกรูปแบบใหม่ ที่ตรงตามหลักการสำคัญ 6 ประการในการพัฒนาที่น่าเชื่อถือ ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกัน สมาชิกของกลุ่มแนวร่วมฯ ได้เผยแพร่ผลการศึกษาการประเมินวัฏจักรชีวิต (LCA) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าระดับการปล่อยมลพิษในระบบจะลดลงประมาณ 40% ในบางพื้นที่และภายใต้เงื่อนไขบางประการหากมีการรีไซเคิลพลาสติกที่รีไซเคิลยากในเชิงเคมี แทนที่จะส่งพลาสติกเหล่านี้ไปยังเตาเผาขยะเพื่อผลิตพลังงาน โดยกลุ่มแนวร่วมฯ ตระหนักดีว่า แม้เทคโนโลยีรีไซเคิลเชิงเคมีจะไม่ใช่เทคโนโลยีครอบจักรวาล แต่ก็จะเป็นเทคโนโลยีตัวสำคัญที่ใช้รีไซเคิลขยะพลาสติกที่รีไซเคิลในเชิงกลไม่ได้
กลุ่มแนวร่วมฯ ได้ทำการสำรวจบริษัทสมาชิก ซึ่งปรากฏให้เห็นความต้องการใช้วัสดุรีไซเคิลเชิงเคมีอย่างน้อย 800,000 ตันต่อปีภายในปี 2573 บริษัทหลายแห่งแสดงความสนใจในการจัดหาวัสดุเหล่านี้ โดยกำลังส่งสัญญาณอย่างชัดเจนไปยังหน่วยงานกำกับดูแลและเหล่าบรรดานักลงทุน เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการรีไซเคิลพลาสติกเชิงเคมี ในขณะเดียวกันก็ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันสิ่งแวดล้อมที่จำเป็น ซึ่งได้ระบุไว้ในเอกสารวิสัยทัศน์และหลักการของกลุ่มแนวร่วมฯ ทั้งนี้ ความต้องการวัสดุรีไซเคิลทางเคมีไม่ได้ลดความจำเป็นในการขยายขนาดโครงสร้างพื้นฐานรองรับการรีไซเคิลเชิงกล แต่มุ่งเน้นที่ความต้องการซึ่งวัสดุรีไซเคิลเชิงกลตอบสนองไม่ได้ทั้งหมด (เช่น การนำไปใช้เป็นบรรจุภัณฑ์อ่อนตัวที่สัมผัสกับอาหาร)
สมาชิกพันธมิตรที่ลงนามในจดหมายฉบับนี้ ได้แก่ แอมคอร์ (Amcor), บาริลลา (Barilla), คอลเกต ปาล์มโอลีฟ (Colgate Palmolive), ดานอน (Danone), เฟอร์เรโร (Ferrero), ฮาลีออน (Haleon), เฮงเค็ล (Henkel), มาร์ส อินคอร์ปอเรทเต็ด (Mars, Incorporated), แม็คเคน ฟูดส์ (McCain Foods), มอนเดลีช อินเตอร์เนชันแนล (Mondel?z International), เป๊ปซี่โค (PepsiCo), ยูนิลีเวอร์ (Unilever)
เกี่ยวกับแนวร่วมปฏิบัติด้านขยะพลาสติกของประชาคมสินค้าอุปโภคบริโภค
แนวร่วมปฏิบัติด้านขยะพลาสติกของประชาคมสินค้าอุปโภคบริโภค (“CGF”) ก่อตั้งในปี 2563 โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาแนวทางพัฒนาและแปรรูปบรรจุภัณฑ์พลาสติกเชิงหมุนเวียนมากขึ้นในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค การก่อตั้งแนวร่วมปฏิบัติใหม่ได้ต่อยอดจากการสนับสนุนระบบเศรษฐกิจพลาสติกแบบใหม่ในปี 2561 ของมูลนิธิเอลเลน แม็กอาร์เธอร์ (Ellen MacArthur Foundation) ของ CGF ในฐานะกลุ่มผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตนวัตกรรม ที่นำโดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารที่มุ่งมั่น 42 ราย วิสัยทัศน์ของแนวร่วมปฏิบัติในการเร่งการก้าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจพลาสติกใหม่นี้ แสดงออกให้เห็นจากเป้าหมายหลักที่สมาชิกจะเดินหน้าใช้มาตรการที่สร้างผลกระทบผ่านความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายรายซึ่งจะช่วยให้ระบบหมุนเวียนเป็นบรรทัดฐานในอุตสาหกรรม โปรดเข้าไปที่ www.tcgfplasticwaste.com เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานของ CGF ในการลดขยะพลาสติก
ติดต่อ
อิกนาซิโอ กาวิลัน (Ignacio Gavilan)
ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
อีเมล: environmental@theconsumergoodsforum.com
หลุยส์ เชสเตอร์ (Louise Chester)
ผู้จัดการฝ่ายสื่อสาร
อีเมล: l.chester@theconsumergoodsforum.com
โลโก้ – https://mma.prnewswire.com/media/1279200/The_Consumer_Goods_Forum_Logo.jpg