Skip to content
Home » Featured » เช็กอาการไข้เลือดออกในระยะแรก รู้เร็ว รักษาทัน ป้องกันได้ !

เช็กอาการไข้เลือดออกในระยะแรก รู้เร็ว รักษาทัน ป้องกันได้ !

A hand holding a thermometer
AI-generated content may be incorrect.

ในช่วงฤดูฝนที่มาพร้อมยุงลาย หลายคนอาจเคยมีไข้ขึ้นสูงแบบเฉียบพลัน ปวดเมื่อยตามตัว และนึกว่าเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา แต่รู้หรือไม่ว่าอาการลักษณะนี้อาจเป็นอาการไข้เลือดออกในระยะแรก ซึ่งหากปล่อยให้ลุกลาม อาจนำไปสู่ภาวะช็อกหรือเสียชีวิตได้อย่างไม่คาดคิด

แม้ไข้เลือดออกจะเป็นโรคที่ได้ยินกันมานาน แต่สิ่งที่น่ากังวลคือคนส่วนใหญ่มักแยกไม่ออกระหว่างอาการไข้เลือดออกระยะแรกกับไข้หวัดทั่วไป เพราะช่วงแรกของโรคยังไม่แสดงอาการจำเพาะมากนัก ทำให้หลายคนรักษาไม่ตรงจุด หรือไม่ได้เฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด ซึ่งนั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญระหว่างการรักษาทันเวลากับการพลาดจนเกิดภาวะแทรกซ้อน

ทำไมต้องสังเกตอาการไข้เลือดออกตั้งแต่ระยะแรก ?

อาการไข้เลือดออกระยะแรก คือช่วง 1–3 วันแรกหลังติดเชื้อไวรัสเดงกี โดยมีลักษณะคล้ายไข้หวัดใหญ่ แต่มีบางสัญญาณที่สังเกตได้แตกต่าง เช่น ไข้สูงลอยไม่ตอบสนองต่อยาลดไข้ทั่วไป ปวดกระบอกตา หรืออ่อนเพลียแบบผิดปกติ ความเข้าใจอาการในช่วงนี้ช่วยให้สามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้นว่าจะพบแพทย์หรือไม่ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการลดความรุนแรงของโรค

อาการไข้เลือดออก ระยะแรก: สังเกตให้ไว อย่าปล่อยผ่าน

ต่อไปนี้คือสัญญาณสำคัญที่ควรระวัง หากเกิดขึ้นพร้อมกันมากกว่า 2 ข้อ ควรรีบปรึกษาแพทย์

  • ไข้สูงเฉียบพลัน: อุณหภูมิสูงเกิน 39 องศาเซลเซียส มักเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว และไม่ลดลงแม้รับประทานยาลดไข้
  • ปวดเมื่อยรุนแรง: โดยเฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อ ข้อ และหลัง
  • ปวดกระบอกตา: ถือเป็นอาการเฉพาะที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยไข้เลือดออก
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย: แม้พักผ่อนเต็มที่ก็ยังรู้สึกไม่มีแรง
  • เบื่ออาหาร คลื่นไส้: อาการทางระบบทางเดินอาหารก็อาจเกิดขึ้นในระยะแรกเช่นกัน

สิ่งสำคัญคือ อาการเหล่านี้อาจยังไม่ปรากฏผื่น หรือเลือดออกใต้ผิวหนัง ซึ่งมักมาในระยะต่อไป หากรอให้ถึงจุดนั้น อาจเสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะวิกฤติได้

ควรดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อสงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก?

หากคุณ หรือคนใกล้ตัวมีอาการไข้เลือดออกในระยะแรกควรหลีกเลี่ยงยากลุ่มแอสไพรินหรือ NSAIDs ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออก หันมาใช้ยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ และดื่มน้ำให้มากขึ้นเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ

การพักผ่อนให้เพียงพอและเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งจำเป็น หากไข้ไม่ลดภายใน 2 วัน หรือเริ่มมีเลือดกำเดาไหล อาเจียนบ่อย หรือปัสสาวะน้อยลง ควรไปโรงพยาบาลทันที

รู้ให้เร็ว ป้องกันให้ไว

แม้ไข้เลือดออกจะเป็นโรคที่มีแนวโน้มดีขึ้นหากได้รับการรักษาทัน แต่สิ่งที่ทำให้หลายกรณีแย่ลงคือการวินิจฉัยช้า เพราะมองข้ามอาการไข้เลือดออกระยะแรก ไปว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา ความเข้าใจอาการเบื้องต้นจึงเป็นเสมือน “สัญญาณเตือนภัย” ที่ช่วยให้เราตัดสินใจได้ถูกต้องตั้งแต่แรก

การรู้เท่าทัน สังเกตอาการ และไปพบแพทย์อย่างรวดเร็ว คือกุญแจสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคที่ดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่จริง ๆ เป็นภัยเงียบที่อันตรายไม่น้อย