บีพีซี (BPC) ประกาศในวันนี้ว่า ทิงคอฟ (Tinkoff) ได้เลือกบริการชำระเงินบนคลาวด์แบบ SaaS ของบีพีซี รองรับการขยายธุรกิจตามที่วางแผนไว้ในฟิลิปปินส์ โครงการดังกล่าวเป็นการต่อยอดความร่วมมือที่มีอยู่เดิมระหว่างทั้งสองบริษัท และสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญทางเทคนิคที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของบีพีซีในแวดวงธนาคารและการชำระเงินดิจิทัล
นอกเหนือจากเทคโนโลยีระดับรางวัลของบีพีซีแล้ว ยังมีอีกหลายเหตุผลที่ทำให้บีพีซีโดดเด่นเหนือคู่แข่งรายอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ความรู้และประสบการณ์ที่บีพีซีมีอยู่อย่างกว้างขวางในฟิลิปปินส์และทั่วเอเชีย
ในข้อตกลงใหม่นี้ เรดาร์ เพย์เมนต์ (Radar Payments) ซึ่งเป็นบริษัทประมวลผลการชำระเงินยุคใหม่ในเครือบีพีซี จะเข้ามาดูแลประสบการณ์การชำระเงินตั้งแต่ต้นจนจบสำหรับว่าที่ลูกค้าของทิงคอฟในฟิลิปปินส์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบัตรแบบเสมือนและบัตรแข็ง ไปจนถึงการออกและบริหารจัดการบัตรเดบิตและบัตรเครดิต ตลอดจน SmartVista ACS รองรับบริการที่มีความปลอดภัยในระดับ 3DS และการป้องกันการทุจริต
บีพีซีจะสนับสนุนทิงคอฟในการวางระบบชำระเงินบนคลาวด์แบบ SaaS ในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เริ่มได้รับความนิยมทั่วโลกด้วยหลายเหตุผลด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นความยืดหยุ่นในการเข้าถึงบริการธนาคาร เช่นเดียวกับการประหยัดต้นทุนและความปลอดภัย โดยธนาคารจะได้ใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของผู้ประมวลผลการชำระเงินในการให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ลูกค้า ขณะที่ธนาคารกลุ่มนีโอแบงก์และบริษัทฟินเทคก็มอบบริการใหม่ในตลาดแห่งใหม่ ๆ ได้เร็วกว่าที่เคย โดยใช้แพลตฟอร์มการชำระเงินที่พร้อมเชื่อมต่อในภูมิภาคต่าง ๆ
ฟิลิปปินส์เป็นตลาดที่เติบโตเร็วเป็นอันดับต้น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีโอกาสมากมายในการยกระดับวงการ และเมื่อไม่นานมานี้ ทางธนาคารกลางได้ออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการแข่งขันในตลาด พร้อมส่งเสริมความทั่วถึงและความเสมอภาคทางการเงิน
บีพีซีดำเนินธุรกิจในฟิลิปปินส์มากว่า 15 ปีแล้ว โดยให้บริการธนาคาร นีโอแบงก์ ธนาคารระดับชนบท และผู้ประกอบการขนส่ง เพื่อใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยยกระดับความเสมอภาคทางการเงิน บีพีซีได้สั่งสมชื่อเสียงมาเป็นอย่างดี โดยมีความเข้าใจและเชี่ยวชาญเรื่องบริบทและพฤติกรรมในแวดวงธนาคารและการชำระเงินในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทิงคอฟตัดสินใจเลือกบีพีซี นอกจากนี้ ทิงคอฟยังเลือกบีพีซีเพราะบีพีซีมีศักยภาพสนับสนุนเป้าหมายด้านการเติบโต ทั้งในแง่ของจำนวนลูกค้าและปริมาณการทำธุรกรรม ทุกวันนี้ การเปิดตัวธนาคารใหม่ในภาคเศรษฐกิจเก่าอาจใช้เวลาหลายปีตั้งแต่การขอใบอนุญาตไปจนถึงการวางระบบ ทำให้ผู้เล่นในภาคเศรษฐกิจใหม่หันมามองหาพันธมิตรที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ในการดำเนินการให้เร็วและมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ยังคงมีโมเดลธุรกิจที่มีความยั่งยืน
ทิงคอฟเปิดตัวในปี 2549 ในฐานะธนาคารผู้ออกบัตรเครดิตแบบไม่มีสาขา ก่อนที่จะเติบโตจนกลายเป็นหนึ่งในธนาคารดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดและทำกำไรสูงสุดในโลก โดยให้บริการลูกค้ากว่า 20 ล้านราย ทิงคอฟให้บริการทางการเงินและไลฟ์สไตล์ผ่านระบบนิเวศดิจิทัลของตนเอง ประกอบด้วยทิงคอฟ แบงก์ (Tinkoff Bank) ซึ่งนำเสนอบริการด้านการธนาคารและการชำระเงินเต็มรูปแบบ รวมถึงให้บริการจองตั๋วหนัง บัตรละครเวที ทัวร์ท่องเที่ยว ฯลฯ ผ่านทางทิงคอฟ ซูเปอร์แอป (Tinkoff Super App) ซึ่งเป็นซูเปอร์แอปเจ้าแรกที่ให้บริการในยุโรป นอกจากนั้นยังมีทิงคอฟ อินเวสต์เมนต์ โบรกเกอร์เรจ (Tinkoff Investments Brokerage), ทิงคอฟ แอคไควร์ริ่ง (Tinkoff Acquiring), ทิงคอฟ บิสิเนส (Tinkoff Business) ซึ่งเป็นระบบนิเวศฟินเทคสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีและธุรกิจขนาดใหญ่ และไลน์ธุรกิจอื่น ๆ
ทิงคอฟให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์แบงก์กิง (Lifestyle Banking) โดยระบบนิเวศของทิงคอฟช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้า นำเงินออมมาลงทุน รับรางวัลจากลอยัลตี้โปรแกรม จองทริปเดินทาง ซื้อตั๋วหนัง จองโต๊ะในร้านอาหาร และเข้าถึงบริการอีกมากมายได้อย่างสะดวกสบาย
จอร์จ เชซาคอฟ (George Chesakov) ผู้นำด้านการขยายธุรกิจในต่างประเทศของทิงคอฟ กล่าวว่า “ทิงคอฟรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เข้าสู่ตลาดฟิลิปปินส์ เราเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีและประสบการณ์จะช่วยให้เราสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจลูกค้า และสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินในประเทศ ทั้งนี้ บีพีซี ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการประมวลผลการชำระเงิน ถือเป็นพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์อันยาวนานกับเรา และมีความสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ SaaS Cloud ของเรา ยิ่งไปกว่านั้น บีพีซียังมีความรู้อย่างลึกซึ้งในภาคการธนาคารของฟิลิปปินส์ ซึ่งจะช่วยให้เราเริ่มดำเนินธุรกิจในตลาดแห่งนี้ได้เร็วขึ้น”
เอฟเจเนีย โลกิโนวา (Evgenia Loginova) ซีอีโอของเรดาร์ เพย์เมนต์ส (Radar Payments) ในเครือบีพีซี กล่าวว่า “เราภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เดินหน้าให้บริการแก่ทิงคอฟและลูกค้าในอนาคตในภูมิภาคเอเชีย ความสำเร็จของอุตสาหกรรมการธนาคารดิจิทัลขึ้นอยู่กับความเร็วในการนำเสนอบริการใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดฟิลิปปินส์ ซึ่งเตรียมเปิดรับผู้เล่นรายใหม่หลายรายในปี 2565 นี้”