 |
เซินเจิ้น จีน, 27 พ.ค. 2568 /PRNewswire/ Hollyland เปิดตัว LARK MAX 2 ระบบไมโครโฟนไร้สายแบบ 32 บิตเต็มรูปแบบสุดล้ำ ซึ่งออกแบบมาเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในการบันทึกเสียงระดับมืออาชีพ โดยมาพร้อมนวัตกรรมล้ำหน้าห้ารายการที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก ได้แก่ ระบบตรวจสอบเสียงไร้สายแบบหน่วงต่ำ เทคโนโลยีบันทึกเสียง 32 บิตแบบลอยตัว ระบบตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะด้วย AI คลิปยึดแบบ hover-clip และการเคลือบพื้นผิวระดับนาโนด้วยเทคโนโลยีเอ็กไซเมอร์ (excimer) ตอบโจทย์ผู้สร้างสรรค์ผลงานระดับมืออาชีพในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นวัตกรรมเทคโนโลยีเสียงระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม
ไฮไลต์สำคัญของ LARK MAX 2 คือความสามารถในการติดตามตรวจสอบเสียงแบบไร้สายด้วยความหน่วงต่ำ โดยใช้เทคโนโลยีสลับความถี่ (frequency hopping) 2.4GHz ที่ช่วยต้านทานสัญญาณรบกวน ให้เสียงที่เสถียร คมชัด และเต็มไปด้วยไดนามิก โดยมีความหน่วงต่ำเพียง 20 มิลลิวินาที (จากตัวส่งสัญญาณไปยังตัวรับ)
นอกจากนี้ LARK MAX 2 ยังรองรับคุณภาพเสียงระดับออกอากาศ (broadcast-grade) ที่ไม่มีการสูญเสียคุณภาพ (lossless) ด้วยการบันทึกเสียง 32 บิตแบบลอยตัวและการประมวลผลเสียงครบวงจร พร้อมระยะเวลาการบันทึกสูงสุดถึง 14 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีระบบตัดเสียงรบกวนด้วย AI ที่ขจัดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิผล ไม่ว่าจะเป็นเสียงลม เสียงการจราจร หรือเสียงสะท้อนในห้อง โดยมีค่าความเพี้ยนไม่เกิน 1% ระบบนี้ทำงานโดยการเก็บข้อมูลเสียงรบกวนจากแหล่งที่หลากหลาย เพื่อนำมาวิเคราะห์ด้วยอัลกอริทึม AI ที่สามารถแยกแยะและกรองเสียงไม่พึงประสงค์ได้อย่างแม่นยำ ระดับการตัดเสียงรบกวนสามารถปรับได้อย่างละเอียดสูงสุดถึง 25 เดซิเบล โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งกระบวนการตกแต่งเสียงภายหลัง
เพื่อการทำงานที่ไร้รอยต่อ LARK MAX 2 ยังมาพร้อมระบบ timecode แบบเฟรมต่อเฟรมที่ซิงก์เสียงและภาพผ่านทั้งพอร์ต 3.5 มม. และ UAC เพื่อความแม่นยำระหว่างวิดีโอกับเสียง ลดเวลาการทำงานในขั้นตอนการตัดต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดอย่างระบบ 4 ตัวส่งสัญญาณต่อ 1 ตัวรับ ยังรองรับให้ผู้ใช้หลายคนสามารถใช้งานได้พร้อมกัน เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่หลากหลาย อย่างเช่นการสัมภาษณ์แบบกลุ่มหรือการถ่ายทอดสด ด้วยแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุดถึง 36 ชั่วโมงและระยะการทำงานไกลถึง 1,115 ฟุต (ประมาณ 340 เมตร) LARK MAX 2 จึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถบันทึกเสียงคุณภาพสูงได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่สะดุด
ดีไซน์น้ำหนักเบาเพื่ิอความสะดวกสบายและใช้งานง่าย
นอกเหนือจากด้านเทคโนโลยีแล้ว LARK MAX 2 ยังออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้งาน ด้วยวัสดุเคลือบเอ็กไซเมอร์นาโนที่อ่อนโยนต่อผิวหนัง เหมาะกับการใช้งานเป็นเวลานาน ตัวคลิปแบบ hover-clip ช่วยให้ยึดติดกับเสื้อผ้าได้อย่างมั่นคงและแนบเนียน ดีไซน์แบบคลิปหนีบด้านหลังช่วยซ่อนตัวอุปกรณ์ไว้ด้านในเพื่อมอบลุคที่ดูเรียบร้อยเป็นมืออาชีพขณะบันทึกเสียง นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ปรับระดับเสียงอัตโนมัติด้วยปุ่มเดียว ซึ่งช่วยให้การตั้งค่าเสียงเป็นเรื่องง่าย โดยระบบจะปรับระดับกำลังเสียงขาออกตามความดังโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ประสบการณ์การบันทึกเสียงเป็นไปอย่างไหลลื่นยิ่งขึ้น
“LARK MAX 2 ตอบโจทย์ความท้าทายของผู้สร้างสรรค์ระดับมืออาชีพที่ทำงานในสภาพแวดล้อมเสียงซับซ้อน ซึ่งมักประสบปัญหาเรื่องข้อจำกัดของอุปกรณ์และการเสื่อมของสัญญาณ” คุณ Cao ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Hollyland กล่าว “การผสานการบันทึกเสียงคุณภาพสูงเต็มรูปแบบโดยไร้การสูญเสียคุณภาพ ตลอดจนการกรองเสียงรบกวนอัจฉริยะ และระบบตรวจสอบเสียงขั้นสูงในดีไซน์ที่กะทัดรัดและปรับขยายได้ ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้เป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในเทคโนโลยีเสียงในงานสร้างสรรค์ โดยไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่เป็นตัวปลดล็อกพลังแห่งอิสรภาพในการสร้างสรรค์”
การวางจำหน่ายและราคา
LARK MAX 2 วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการและร้านค้าออนไลน์ทาง Amazon ของ Hollyland ประกอบด้วย
- LARK MAX 2 Combo ราคา 219 ดอลลาร์
- LARK MAX 2 Ultimate Combo ราคา 249 ดอลลาร์
- LARK MAX 2 Combo 4-Person Version ราคา 279 ดอลลาร์
ดูรายละเอียดข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่นี่
เกี่ยวกับ HOLLYLAND TECHNOLOGY
Shenzhen Hollyland Technology Co., Ltd. (“Hollyland” หรือ “Hollyland Technology”) มอบพลังสนับสนุนลูกค้าทั่วโลกด้วยโซลูชันระดับมืออาชีพที่ออกแบบมาเพื่อการส่งข้อมูล เสียง และวิดีโอแบบไร้สาย รวมถึงระบบอินเตอร์คอมไร้สาย โดยเริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2556 มีผลิตภัณฑ์เด่น ได้แก่ Solidcom C1, Mars 400s Pro, Mars 4K, Mars M1, Cosmo C1 และ Lark M1
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดเข้าชม https://www.hollyland.com/, Hollyland Instagram, Hollyland Facebook และ Hollyland YouTube
View original content to download multimedia: Read More